วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องของบ้านเมืองอย่าเชื่อโหร...เลอะเทอะ

เรื่องการดูดวงนั้น ใคร ๆ ก็ชอบ เพราะอยากรู้อนาคต ทั้งที่มั่นใจเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ว่ามันคงไม่ตรงไปทั้งหมด

แต่ก็ขอให้ดูขำ ๆ อย่างมงาย เพราะมันไม่เป็นวิทยาศาสตร์

อาจจะมีคนแย้งว่า หมอเขาทายถูกหลายคนหลายเรื่อง....ที่เขาทายผิดก็มีมาก แต่เราไม่รู้
หมอเขาชื่อดังมาก...ก็เพราะคนขาดความมั่นใจในตัวเองในสังคมมีมาก เลยหลงเชื่อง่าย
หมอเขามีหลักคิดโน่นคิดนี่... เพ้อเจ้อทั้งนั้น คนเรามีเป็นพันล้าน แต่ดวงตกฟากลัคนาหรืออะไรก็มิอะไรมีไม่กี่แบบ ดวงดาวยิ่งมีไม่กี่ดวง จะให้คุณให้โทษเราเป็นการเฉพาะน่ะหรือ เพ้อเจ้อ

จะยิ่งเพ้อเจ้อหนัก ถ้าไปเเก้โน่นเเก้นี่ตามที่หมอบอก

เรื่องของบ้านเมือง จะเกิดปฏิวัติไหม จะยุบสภาดีไหม ดวงคนนั้นเหมาะควรเป็น รมต.ต่อ คนนี้ปีชงกับนายกต้องปลดซะ เปลี่ยนประตูเข้าอกรัฐสภาใหม่ .... เรื่องเหล่านี้เหมือนนิยายไร้สาระ ถ้ารับฟังพอสนุกก็ไม่เป็นไร แต่หากเชื่อไปปฏิบัติตาม หรือกลัวตาม ก็บ้าล่ะครับ


ก็เห็นมีประเทศไทยนี่แหละ ทำอะไรไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผล คำนึงถึงหลักการหมอดูเป็นใหญ่ สุดท้ายก็ไม่เจริญอย่างที่เห็น


เลิกหน่อมแน้มกันดีกว่า มองสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนตามหลักแห่งความเป็นไปได้ ไม่ให้โหราหูราอะไรไม่รู้

ผู้มีอำนาจตัดสินใจน่ะตัวดี เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ขนาดหนัก เกียรติยศมันสมองเลอเลิศ หลายคนเพ่อเจ้องมงายหมอดูซะยิ่งกว่าชาวบ้านรากหญ้า แถมตัดสินชะตาประเทศชาติไปตามนั้น วังเวงจริงจริง

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

กองกำลังส่วนตัวติดอาวุธ

ในโลกที่คนมีเงินมากเป็นปฏิภาคโดยตรงกับศัตรู ความต้องการใช้เงินเพื่อคุ้มภัยตนเองยิ่งมาก การจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธส่วนตัวเป็นทางออกที่สร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาที่สุด มากกว่าการคบผู้มีอิทธิพล ฝึกยิงปืนหรือซื้อเสื้อเกราะ ในประเทศของเราถือว่าการทำเช่นนี้ผิดกฏหมาย แต่การดำเนินคดีไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกิจกรรมหลายอย่างก็ก้ำกึ่งในการตีความ


แม้ว่าตามหลักการสากลประเทศหนึ่งจะมีกองทัพเดียว ไม่มีใครควรมีกองกำลังเหนือกฏหมายคุ้มภัยอีก แต่ในความเป็นจริง พ่อค้า นักเลง ผู้มีอำนาจและคนที่เป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองและทรัพย์สินจำนวนมากต่างจ้างกองกำลังส่วนตัวกันเป็นว่าเล่น ทำงานเพื่อเอกชนได้ 24 ชม. เพราะกองกำลังของรัฐไม่มีสิทธิ์จะไปรับใช้บุคคลโดยตรงเช่นที่ว่า ขอบเขตของบริษัทรักษาความปลอดภัยเหล่านี้มีความกว้างขวางอย่างคาดไม่ถึง ในประเทศที่เจริญแล้ว คนของบริษัทแบล็ควอเตอร์ (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น ซี) อาจไม่ได้รับอนุญาตให้พกปืน หากจะยิงใครสักคนก็มีโอกาสติดคุกสูง แต่หากพวกนี้ไปปฏิบัติหน้าที่ในดินแดนที่ชีวิตของพวกเขาเองก็ต้องเสี่ยง การพกอาวุธสงครามและการชิงยิงศัตรูก่อนอาจเกิดขึ้นได้เสมออย่างกรณีที่พวกเขายิงชาวอิรักตายไป 17 ศพเมื่อปี 50 โดยอ้างการป้องกันตัวและลอยนวลเสียด้วย บางบริษัทเช่น อีโอ ของแอฟริกาใต้ถึงกับรับสัมปทานกับรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ทำการสู้รบกับกองกำลังก่อการร้ายท้องถิ่นอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้าง โดยที่กฏหมายในประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อนเหล่านั้นอ่อนแอเต็มที

กองกำลังติดอาวุธมาเฟียที่โด่งดังที่เราได้ยินกันบ่อยครั้ง คือแถวยุโรปใต้และอเมริกาใต้ ซึ่งมีการต่อสู้ระหว่างกลุ่มเจ้าพ่อและบางครั้งก็รบกับเจ้าหน้าที่รัฐ ปีนี้ที่ฮิตมากคือที่เม็กซิโก มีการพยายามกวาดล้างซุ้มมือปืนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาเสพติด สงครามนี้ทำให้ตำรวจต้องสังเวยชีวิตมาก ส่วนที่กำลังมาแรงคือที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งกองกำลังของเจ้าพ่อบนเกาะมินดาเนาเล่นงานประชาชนจนรัฐบาลอยู่เฉยไม่ได้


ในไทยนั้น ซุ้มมือปืนใต้ปีกนักการเมืองท้องถิ่นนั้นมีอยู่เสมอ ถ้าไม่ก่อคดีครึกโครมเกินไปคนร้ายเหล่านี้ก็อาจเดินเหินอย่างลำพอง วันดีคืนดีก็ก่อคดียิงศัตรูให้”นาย” ก็เรื่องขัดผลประโยชน์รายได้จากรัฐเป็นหลัก ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้งยิ่งลงมือมาก เป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่ปัจจุบัน มีกองกำลังประเภทใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอุดมการณ์และการเมืองระดับชาติเกิดขึ้น ไม่ทราบว่ามีอาวุธที่หายไปจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อปีก่อนมาเกี่ยวข้องหรือเปล่า ถ้าทางการจะตรวจสอบและหาทางสลายกองกำลังประเภทนี้ ก็จะทำให้ประชาชนอุ่นใจหากต้องสัญจรผ่านถนนบางสายในยามค่ำคืน


คมชัดลึก 11 พ.ย.52

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

มายอน จะระเบิดหรือไม่

ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เอเชียแปซิฟิกเราจดจ่อมากที่สุดเมื่อปลายปีที่แล้วว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ก็คือ การระเบิดของภูเขาไฟมายอน มหัศจรรย์ธรรมชาติที่สวยงามระดับโลกของฟิลิปปินส์ แต่เมื่อเปลี่ยนศักราชใหม่ เจ้าเอล นินโญ่ ดันสร้างปรากฏการณ์กลบเสียหมด และคงจะเป็นพระเอกไปจนตลอดปีนี้ แต่มายอน จะยังมีโอกาสขโมยซีนหรือไม่ จะกลายเป็นเรื่องดังเหมือนที่ภูเขาไฟปินาตูโบ เพื่อนใกล้กันระเบิดเมื่อ 19 ปีก่อนหรือไม่ ยังต้องรอตืดตามต่อไป


ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่อยู่ในวงแหวนภูเขาไฟของเอเชียแปซิฟิกเต็ม ๆ ชาวบ้านเลยต้องนอนผวาเพราะทับที่กับภูเขาไฟซึ่งยังไม่ระเบิดไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก เขตใกล้ภูเขาไฟนั้นถึงจะอันตรายแต่ชาวบ้านก็ชอบไปอาศัยอยู่ เนื่องจากดินดี เพราะปลูกได้สมบูรณ์ ทั้งยังขายของให้นักท่องเที่ยวได้อีก เรื่องภัยธรรมชาติค่อยหลบเอาเป็นครั้งคราวไป สำหรับภูเขาไฟมายอนที่อยู่บนเกาะลูซอนนี้ ปะทุมาแล้ว 48 ครั้งนับตั้งแต่บันทึกกันไว้ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2159 ภัยพิบัติหนัก ๆ ล่าสุดที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ก็คือตอนปลายปี 49 เกิดปะทุอย่างแรง พ่นลาวาและเถ้าถ่านออกมามากคล้ายกับเวลานี้ แต่ก็ได้สงบลงเมื่อปลาย ต.ค.ปีนั้น ชาวบ้านนึกว่าปลอดภัยกลับเข้าพื้นที่ โชคร้ายที่อีกเดือนนึงถัดมาพายุทุเรียนขึ้นโจมตีเกาะลูซอน พัดเอาโคลนเถ้าภูเขาไฟถล่มทับชาวบ้านตายไป 1300 คนสด ๆ


ตลอดเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา มายอนปะทุหนักหน่วง จนทั่วโลกคาดการณ์ว่าต้องระเบิดขึ้นแน่ รัฐบาลต้องอพยพชาวบ้านหมื่นครอบครัวออกจากพื้นที่รัศมี 8 ก.ม.รอบภูเขา ปรากฏทั้งเถ้า ทั้งหินลอยขึ้นฟ้า แผ่นดินไหวกึกก้องต่อเนื่องเพราะแมกม่าใต้ผิวโลกขยับแรง ธารลาวา 3 สายไหลริน แต่โลกก็โล่งอกไปเมื่อสถาบันภูเขาไฟและแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ประกาศลดระดับความน่ากลัวของมายอนลงเมื่อ 2 ม.ค.โดยอ้างว่าการขยับแข้งขาของมายอนลดลงแล้ว โดยเฉพาะก๊าซพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ขอเชิญชาวบ้านกลับเข้าไปอาศัยในระยะ 7-8 กิโล ได้ แต่โลกก็คงไว้วางใจไม่ได้


ยังจำตอนที่ภูเขาไฟปินาตูโบระเบิดเมื่อปี 2531 ได้ เพราะผมอยู่ในมะนิลาหลังห้วงเวลาการระเบิดแล้วไม่นาน ยังทันได้ซึมซับบรรยากาศที่ชาวบ้านพูดคุยกันถึงการระเบิดครั้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ภูเขาไฟการกะตั้วของอินโดนีเซียระเบิดเมื่อปี 2426 และได้ซื้อเสื้อซื้อหมวกที่มีสลักคำว่า “ฉันรอดมาจากปินาตูโบ”ซึ่งเป็นซูวีเนียร์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบที่สุดรองมาจากหินภูเขาไฟจากสถานที่จริง มีคนตายคราวนั้น 800 คน เถ้าถ่านสีขาวมองเห็นได้ไกลถึงกัมพูชา อุณภูมิโลกลดลงครึ่งองศา โอโซนโดนทำลายและกรดกำมะถันในชั้นบรรยากาศโลกเพิ่มสูง หวังว่าภูเขาไฟมายอน วันนี้และวันต่อ ๆ ไปคงไม่กลายเป็นหายนะแบบนี้ กระนั้นก็ตาม ถึงวันนี้โลกยังละสายตาจากการอาจระเบิดขึ้นของมายอนไปไม่ได้

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

งบดูงานด้านการทหาร

ปีใหม่แล้ว ขอนำบทความนี้ลงให้อ่านกัน เซ็งกับพวก พวกสมองเสื่อมบ้าอำนาจที่เอางบไปผลาญหรูหราสนุกแทบทุกเดือน แต่ทีผลประโยชน์ของชาติในการพัฒนาคุณภาพบุคลากรเป็นส่วนรวมจากงบดูงานต่างประเทศเพียงจิ๊บจ้อยนั้นกลับมองไม่เห็น

-----------------------------



หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการพัฒนากองทัพของเราก็คือการทำความเข้าใจหน่วยงานกองทัพต่างประเทศ ทั้งในเชิงเปรียบเทียบ ทั้งในเชิงเรียนรู้ศึกษาความแตกต่างที่บ้านเรามีแต่เราไม่มี และทั้งในเชิงรับวิทยาการใหม่ ๆ ทั้งนี้ความเข้าใจดังกล่าวมาจากหลายทาง ทางซึ่งจำเป็น แม้ว่าจะสิ้นเปลืองงบประมาณมากก็คือการไปดูงานในต่างประเทศ ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ เป็นโอกาสดีสำหรับการจัดสรรงบอย่างเหมาะควร ไม่ใช่คิดง่าย ๆ ว่าก็เลิกไปดูงานต่างประเทศเอาซะเลย


ในเกือบทุกหน่วยงานระดับยุทธศาสตร์ของกองทัพมีงบประมาณดูงานด้านต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปดูงานมักเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงหรือผู้เกี่ยวข้องกำกับดูแลงานด้านนั้น ๆ ขณะที่ในส่วนของการศึกษาก็มีงบประมาณนี้เช่นกัน แต่ปีนี้ค่อนข้างน้อยเพราะถูกปรับลดงบ และอาจทำให้นักศึกษาระดับสูงของกองทัพ เช่น วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรและวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ปราศจากการดูงานในต่างประเทศ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าเสียดายมาก


การดูงานทางทหารต่างจากการศึกษาทางทหาร ตรงที่ใช้เวลาน้อยวันกว่า มุ่งไปในทางเยี่ยมชม สังเกตกิจการ สถานที่ ไม่ใช่ไปเรียนไปฝึก สิ่งที่ได้กลับมานั้นมีคุณค่าต่อวิทยาการ ไอเดียใหม่ ๆ ที่ประเทศและกองทัพจะได้รับ ขณะเดียวกันก็เป็นการพัฒนาบุคลากรจากรุ่นสู่รุ่นด้วย ประสบการณ์ตรงเช่นนี้ต่างจากการดูงานในประเทศ ซึ่งก็มีข้อดีไม่น้อยแต่มีข้อจำกัดในแง่ของกรอบความรู้ที่ได้รับ ในขณะที่การดูงานในประเทศจะทำให้เข้าใจปัญหาของพื้นที่และยืนอยู่บนความเป็นจริงของการแก้ไขปัญหานั้น การดูงานต่างประเทศจะเสริมปัญญาในด้านวิสัยทัศน์ และความคิดเชิงเปรียบเทียบกับการแก้ปัญหาในส่วนอื่นของโลก การพัฒนากองทัพและเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพต้องขึ้นอยู่กับการเข้าถึงประสบการณ์เหล่านี้


การตัดหรือปรับลดงบประมาณที่ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับงบด้านอื่นของกองทัพนั้นไม่ได้ทำให้กองทัพได้รับคำชมในแง่ของการประหยัด คำชมที่แท้จริงควรมาจากการใช้งบอย่างเหมาะสม ดำรงประสิทธิผลสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นการจัดการดูงานในต่างประเทศจึงจำเป็นต้องมี แต่ควบคุมให้อยู่ในกรอบที่จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น เช่น ในแต่ละทริป เพิ่มการดูงานสถานที่ทางทหารทั้งสถานที่หลักระดับยุทธศาสตร์ของประเทศนั้นและสถานที่เฉพาะที่หน่วยงานสนใจ จัดเวลาเยี่ยมชมหน่วยงานของกระทรวงทบวงอื่นที่ทำงานสัมพันธ์กับกองทัพ และในช่วงอาหาร เชิญผู้ทรงความรู้ชาวต่างชาติมาพบปะ หากทำได้เช่นนี้ ก็อาจสามารถเปลี่ยนความคิดของคนบางกลุ่มที่ว่าการไปดูงานเมืองนอกเป็นเพียงโบนัสหรือเป็นไปเพื่อความเพลิดเพลินของคนที่ได้ไปเท่านั้น


โลกสาระจิปาถะ ธันวาคม 2552