วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เสธ.แดงเสียชีวิตแล้ว

หนึ่งชั่วโมงก่อน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง นายทหารคนดังที่มีชีวิตน่าตื่นเต้นได้จากโลกนี้ไป แต่ความเป็นไอคอนของเขาได้ทำให้ผู้ดำเนินรอยตามหรือสาวกกลุ่มอ้างอิงยังเชิดชูและปฏิบัติตามอย่างเขาอยู่ นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะผู้นำลัทธิหรือจิตวิญญาณที่เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างหายากยิ่งในสังคมไทย การกำหราบแนวความคิดแบบเสธ.แดง เป็นเรื่องยากในยุคที่การแพร่กระจายข่าวสารเป็นสรณะ หลักการมีอายุยืนยาวกว่าชีวิตของคนสร้างหลักการ


แม้ความรู้สึกในหมู่ประชาชนต่อเสธ.แดงจะเป็นเชิงโต้แย้ง (Controvertial) ซึ่งถ้าไม่เกลียดไปเลยก็มักจะรักอย่างสุดใจ แบบเดียวกับความรู้สึกที่มีต่ออดีตนายกทักษิณ ชินวัตร และสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหมู่คนที่รักเสธ.แดงนั้นมีปริมาณไม่น้อย พวกเขาไม่ได้รักเพราะเสธ.แดง เป็นคนยิ่งใหญ่ มีอิทธิพล พวกพ้องมาก เงินทองมาก หรือมีบุคลิกน่ารักแต่อย่างใด แต่ในความไม่เหมือนใครของเสธ.แดง อัตลักษณ์บางอย่างของเขาเป็นอัตลักษณ์ในเชิงอุดมคติที่หายไปจากวิถีชีวิตทั่ว ๆ ไปนานแล้ว หรืออย่างน้อยก็ไม่ค่อยปรากฏที่ไหน นอกจากในเสธ.แดง ซึ่งเก่งในการนำอัตลักษณ์เด่นนั้นมารังสรรค์ภาพลักษณ์ของตัวเองให้ต้องใจกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้วยรูปแบบการประชาสัมพันธ์ที่เก่งขั้นเทพ


เสธ.แดงนำประสบการณ์การรบที่มีมาแปรเปลี่ยนเป็นคุณค่ายึดถือให้สาวกเลื่อมใสตามได้อย่างเยี่ยมยอด ลำพังความสามารถด้านการเขียน การพูด นั้นลำพังไม่พอที่จะทำให้บุคคลยอมอุทิศตนให้อย่างสุดจิตสุดใจ แต่การแสดงออกว่าตนเองมีชีวิตที่ไม่เหมือนนายพลคนอื่นอย่างไร และมีความมุ่งมั่นทำตามหลักการของตัวเพียงไรต่างหากที่ทำให้เป็นที่น่านับถือในหมู่สาวก ดังนั้นเจตจำนงของเสธ.แดงจึงมีชีวิตยืนยาวกว่าตัวเสธ.แดง

คนธรรมดาที่เลื่อมใสชีวิตแบบเสธ.แดงนั้นจะไม่สนว่าเสธ.แดงอยู่หรือตาย แต่พวกเขาจะยึดอุดมการณ์ตามแบบเสธ.แดง คือเป็นคนธรรมดาที่พร้อมจะแสดงออกอย่างตรง ๆ อาจดิบเถื่อนบ้าง แต่แฝงความมุ่งมั่นเพื่อเอาชนะเป้าหมายที่แข็งแกร่งกว่าโดยไม่หวั่นว่าจะต้องเผชิญอุปสรรคอย่างไร เราได้เห็นกันแล้วหลังจากวันที่เสธ.แดงถูกยิง และคงได้เห็นปรากฏการณ์แบบนี้ไปอีกระยะเวลาหนึ่ง การตายแบบไม่ปกติยิ่งยกระดับเขาเป็นไอคอน ซึ่งจะต่ออายุปรากฏการณ์ให้ยาวออกไปอีกมาก


การมุ่งกวาดล้างเครือข่ายเสธ.แดงนั้นผิดทิศ เพราะไม่มีเครือข่ายลูกสมุนอย่างที่หลายคนคาด มีแต่กลุ่มอ้างอิงซึ่งจะขจัดความเชื่อของพวกเขานั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ในยุคโลกาภิวัตน์ หนทางดีที่สุดคือเลือกเชิดชูหลักการที่ดีงามของเขาให้ข่มทับหลักการส่วนที่ไม่ดี และแก้ไขปัญหาสังคมที่เสธ.แดงตั้งหวังไว้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเพื่อมวลชนอย่างแท้จริง อย่างเช่นประเด็นมาตรฐานกระบวนการยุติธรรม


-----------------

กราบลาคุณอาในที่นี้ด้วยครับ

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เห็นทีทหารบกจะเดินถนน ด้วยอาการเดิมไม่ได้อีกต่อไป

ช่วงนี้ไม่อยากเขียนบล็อกเลยครับ เศร้าใจกับความตายความเจ็บของเพื่อนประชาชนร่วมชาติที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน หากสถานการณ์ยังยิงกันไม่หยุดอย่างนี้ เมื่อเรื่องจบ ตัวนำของฝ่ายพ่ายแพ้รับรองถ้าไม่ถูกฆ่า ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลไปตลอดชีวิต แต่ที่ต้องโดนไปด้วยไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็คือ ทหาร โดยเฉพาะทหารบก


ปกติ ทหารบกก็คือประชาชน ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา แต่งครึ่งท่อนบ้าง ซาฟารีบ้าง เต็มยศบ้าง เดินห้าง ดูหนัง พักผ่อน กินข้าวข้างข้างถนน หรือขับรถไปส่งลูก ในห้วงเวลาที่สมควรเหมือนคนทั่วไป

แต่นับจากวันที่ 14 พ.ค.ทุกอย่างไม่น่าเหมือนเดิมอีกแล้ว

หากเขาแต่งดังว่า เดินเดี่ยวหรือเดินกับลูกเมีย ก็อาจมีคนบางกลุ่มเอาดอกไม้หรือรอยยิ้มมามอบให้ แสดงการชื่นชม อันนี้ไม่เป็นไร แต่อีกนาทีเดียว อาจมีคนอีกกลุ่มเข้ามาด่าทอ ต่อว่า หรือทำร้ายเอาโดยไม่แยกแยะก็ได้


ข้อหาฆ่าประชาชนเมื่อปี 35 ทำให้ทหารอยู่ในสภาพอย่างนี้เกือบครึ่งปี นี่เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ษ.ยังไม่สะเด็ด ก็มีเหตุการณ์นี้อีกแล้ว และถ้ามีเหตุการณ์ต่อเนื่อง พวกเขาจะอยู่แบบไหน


อยู่แบบไหนก็ต้องอยู่ครับ และถ้ายังมีจิตใจ ก็ต้องอยู่แบบรู้สึกผิดที่ตัวเองหรือเพื่อนทหารมีส่วนทำให้มีคนตายมากมาย จะอ้างว่าผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเป็นผู้ก่อการร้าย มีอาวุธ จำเป็นต้องฆ่า ก็เชิญเถอะครับ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงเหมือนกันว่าแต่ละศพประชาชนที่ตายนั้น ล้วนแต่มีภาพให้เห็นว่า..ไม่มีอาวุธเลย