วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

สงครามตาลีบานในอัฟกานิสถาน

การตายของไบตุลลาห์ เมห์สุด ผู้นำที่มีชื่อเสียงที่สุดของขบวนการตาลีบานในปากีสถาน จากการโดนอากาศยานไร้คนขับของสหรัฐ ฯ ถล่มเมื่อปลายกรกฏาคม 52 คาที่มั่นของเขาในแคว้นวาซิริสถานตอนใต้ ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคที่ยุ่งเหยิงนี้ดีขึ้นสักเท่าไร สหรัฐ ฯ ปากีสถานและพันธมิตร ยังอีกไกลกว่าจะไล่ตาลีบานออกไปจากประเทศได้หมด และช่วงนี้น่าจะโดนเอาคืนด้วยระเบิดฆ่าตัวตายอย่างหนักหน่วงด้วย


การสู้รบบริเวณพรมแดนปากีสถาน-อัฟกานิสถาน กำลังเป็นประเด็นสงครามนอกประเทศอันดับหนึ่งที่สหรัฐ ฯ และยุโรปให้ความสำคัญ ส่งคนเข้าไปตายอย่างต่อเนื่องในอัฟกานิสถาน แต่ปากีสถานนั้นเข้าไม่ได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมาย แต่ครั้นรอให้ทหารปากีสถานกวาดล้างตาลีบานให้แทน ก็ไม่ได้ผลนัก เนื่องจากทหารปากีสถานเองก็มีไส้ศึกเห็นใจในตาลีบาน เชื้อสายปาทานเหมือนกัน และสภาพภูมิประเทศที่เป็นเขาเป็นถ้ำซับซ้อนมากมาย จนมีผู้คิดกันว่าผู้นำระดับสูงของตาลีบานและอัลไกด้า ต้องมาหลบอยู่ที่นี่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่กลางปี 51 สหรัฐ ฯ จึงใช้โดรนหรือเรือเหาะไร้คนขับบินจากฝั่งอัฟกานิสถานเข้าไปทิ้งระเบิดในชุมชนบ้าง ถ้าบนภูเขาบ้าง ทำให้มีคนตายจำนวนมาก น่าเสียดายที่ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านผู้บริสุทธิ์


การกระทำเช่นนี้โดนประท้วงจากรัฐบาลปากีสถานว่าละเมิดอธิปไตยและไร้มนุษยธรรม แต่การประท้วงก็เป็นไปอย่างแกน ๆ เพราะรัฐบาลปากีสถานก็อยากให้กวาดล้างเสี้ยนหนามของตนอยู่แล้ว เรื่องนี้ถ้าโยงต้องพูดถึงตั้งแต่ยุคก่อตั้งประเทศที่โมฮัมเหม็ด อาลี จินนาห์แยกตัวออกจากอินเดียหลังแบ่งแยกประเทศกันในปี 2490 พรรคสันนิบาตมุสลิมของเขามีอิทธิพลแค่เพียงส่วนที่ติดกับอินเดีย แต่ส่วนที่ติดกับอัฟกานิสถานนั้นพวกชนเผ่าที่ไม่สนในธรรมนูญสมัยใหม่ยังมีอิทธิพลอยู่จนถึงทุกวันนี้ การที่ภูมิภาคนี้เป็นแหล่งบ่มเพาะนักสู้เคร่งศาสนาให้รบกับโซเวียตในอัฟานิสถานเมื่อ 30 ปีก่อน ทำให้ภูมิภาคนี้ยุ่งเหยิงหนักขึ้น และเป็นประตูบานสวยที่ส่งความรุนแรงระบาดทั่วทั้งเอเชียใต้


เวลานี้ปากีสถานกำลังรบหนักอยู่ทางเหนือของแคว้นนอร์ธเวสต์ฟร้อนเทรียร์ซึ่งอยู่ใกล้เมืองหลวงของตนมากกว่า และเชื่อว่าหากเอาชนะตาลีบานที่หุบเขาบริเวณนี้ได้ก็จะตัดแหล่งส่งกำลังบำรุงชั้นดีของตาลีบานคือเหมืองมรกตได้ ทำให้แคว้นวาซิริซสถานนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองกำลังประจำถิ่นควบคุมสภาพกันไป และการปลูกฝิ่นก็กระทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ดังนั้นหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น สหรัฐ ฯ อาจเข้ามาทางภาคพื้นดิน ไม่ใช่แค่ภาคอากาศเท่านั้น

คมชึดลึก 10 สิงหาคม 52

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

แนะนำกรอบใหม่ขวามือ

เพื่อน ๆ พี่น้องครับ

ผมเพิ่มกรอบใหม่ทางขวามือใต้รูป เป็นลิงก์สำหรับบทความล่าสุดของผมที่ตีพิมพ์ในสื่อต่าง ๆ ความจริงน่าจะทำยังงี้ตั้งนานแล้ว เพราะผู้อ่านจะได้อ่านเรื่องที่ทันสมัย

ตัวลิงก์นั้นไม่ได้กดเเล้วเข้าไปเจอข้อเขียนทันทีนะครับ ท่านโปรดก๊อปลิงก์ ไปวางลงในช่องเบราส์ แล้วค่อยคลิ๊ก จึงจะอ่านได้ครับ เพิ่มขั้นตอนเพียงวินาทีเดียวเองครับ

ท่านที่สงสัยว่าทำไมผมไม่ก๊อปงานมาลงในบล็อกเอง ต้องให้ผู้อ่านลิงก์ไปทำไม ขอเรียนว่า ผมถือหลักการอยู่ข้อหนึ่งครับว่า ข้อเขียนที่ผมเขียนเพื่อเอาตังค์นั้น ต้องให้ประโยชน์แก่คนจ่ายตังค์ซะก่อน จนกว่าจะมีข้อเขียนชิ้นใหม่ไปป้อนเขา ดังนั้น ผมจะไม่ตีพิมพ์ข้อเขียนชิ้นนั้นในบล็อกพร้อมกับที่เนชั่นเอาลงในหนังสือพิมพ์ ซึ่งผมก็รอไม่นาน ผมก็เขียนชิ้นใหม่ให้เขาแล้ว แล้วผมถึงค่อยเอาข้อเขียนที่เป็นลิขสิทธิ์ของผมโดยสมบูรณ์นั้นมาลงในบล็อกครับ

หลักการนี้ ผมไม่รู้มีใครถือไหม แต่ผมถือ และคิดเอาเองอย่างภูมิใจว่า นี่คือการแสดงความซื่อสัตย์ต่อผู้จ้าง คนอ่านหนังสือพิมพ์ และคนอ่านบล็อก ด้วยครับ

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

ดาวสภา การประชุมสมัชชายูเอ็นวันแรก 23 ก.ย.(วันนี้)

เวียนกลับมาอีกครั้งสำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ที่ปีนี้จะจัดขึ้นใน 23 -30 ก.ย.นี้ นับเป็นครั้งที่ 64 แล้วที่ผู้นำประเทศใหญ่น้อยสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเดินทางไปโชว์ตัวที่มหานครนิวยอร์คและกล่าวสุนทรพจน์ให้โลกรับทราบว่าบ้านเมืองของตัวนั้นเป็นอย่างไร และมีวิสัยทัศน์อะไรเพื่อโลกใบนี้ นายกคนปัจจุบันของเราก็ไปโดยไม่กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนที่นายกอีกท่านหนึ่งโดนเมื่อปี 2549 แต่แน่นอนว่าคนที่จะโดดเด่นในฐานะดาวสภาของที่ประชุมนั้นคงมีไม่กี่คน


เนื่องจากที่ประชุมแห่งนี้เป็นโอกาสดีที่ผู้นำชาติใดก็ได้ เป็นศัตรูกับประเทศเจ้าของสถานที่ขนาดไหนก็ได้ มีโอกาสมาเยือนและด่าสหรัฐ ฯ ในห้วงเวลานี้ได้ทั้งนั้น ดังนั้นไฮไลท์ของการประชุมจึงไม่ใช่การที่สมัชชาจะมีมติอะไรออกมา แต่เป็นการคอยดูว่าผู้นำของชาติที่เป็นปรปักษ์กับชาติตะวันตกจะโคจรมาพูดเรื่องอะไร กระเทือนซางเจ้าภาพขนาดไหน


ในอดีต ดาวสภาที่สำคัญก็มีอาทิ ฟิเดล คาสโตร อดีตผู้นำคิวบาที่ใช้เวทีอย่างต่อเนื่องในการนี้ด่าจักรวรรดินิยมอย่างแสบสันต์ ในยุคหลัง ๆ ก็มีอูโก ชาเวซ ผู้นำเวเนซุเอล่า คอมมิวนิสต์เก่าผู้ที่ประกาศเป็นศัตรูกับสหรัฐ ฯ เมื่อปี 2549 เขาถึงกับด่าจอร์จ บุช ประธานาธิบดีอเมริกันในขณะนั้นกลางที่ประชุมว่าเป็นปีศาจ


มาห์มูด อมาดิเนจ๊าด ประธานาธิบดีปากกล้าของอิหร่านก็มาทุกปีมิได้ขาดตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ และก็ใช้วาทะรุนแรงทุกทีเช่นกัน และจากการที่เขาเป็นผู้บริภาษยิงคนสำคัญจนถึงขั้นไม่ยอมรับเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวในยุคฮิตเลอร์อยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ในปี ๒๕๕๐ ที่ประชุมยูเอ็นต้องมีมติประณามการไม่ยอมรับเหตุการณ์ดังกล่าวใน ปีนี้เป็นที่น่าสนใจว่าเขาจะขัดขวางแผนการสันติภาพยิว-อาหรับ รอบใหม่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้ที่จะมางานนี้เป็นครั้งแรกและจะประกาศหรือไม่


อีกคนที่เซอร์ไพรซ์ว่าจะมาคือ โมอัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้นำลิเบียที่ไม่เคยมาร่วมงานนี้เลยตลอด 40 ปีที่ครองอำนาจ แต่ปีนี้มีข่าวว่าจะมาขอกางเต็นท์นอนกลางสวนสาธารณะเซ็นทรับ พาร์กเสียด้วย ความสัมพันธ์ที่กลับมาแย่ลงอีกครั้งระหว่างลิเบียกับชาติตะวันตกกรณีรัฐบาลทริโปลีต้อนรับมือระเบิดแพนแอมกลับบ้านเยี่ยงวีรบุรุษ ทำให้กัดดาฟีผู้มีคารมคมกร้าวในอดีตได้รับการจับตามอง


ทั้งอมาดิเนจ๊าด กัดดาฟี โอบามา และผู้นำของทุกชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงต่างมีคิวพูดวันเดียวกันคือ 23 ก.ย.งานนี้สปอตไลท์จับแน่ ทุกคนเป็นตัวจริงทั้งนั้น รวมทั้งหู จินเทาของจีนและดิมิทรี เมดเวเดฟของรัสเซียที่ปีนี้มาเอง เช่นเดียวกับผู้นำของอังกฤษและฝรั่งเศส

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

เนวิน รอดตามที่ฟันธงไว้จริงจริง

ทายถูกเผง ๆ เลยครับเรื่องนี้ ที่ว่าเนวิน ชิดชอบ จะต้องรอดคุกคดีกล้ายาง แล้วก็รอดจริง ๆ ลอลอ่านบทความที่ผมวิเคราะห์ไว้ตั้งแต่เมื่อ 12 สิงหาคม นะครับว่า

เนวินไม่มีทางติดคุก

ศาลคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีกำหนดประกาศคำตัดสินว่า เนวิน ชิดชอบ และพวกจะมีความผิดหรือไม่กรณีทุจริตกล้ายาง ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ตรงกับวันที่เสื้อแดงยื่นฏีกาให้สำนักราชเลขาธิการพอดี

เดาเอาว่า ถ้าศาลไม่เลื่อนคำตัดสินออกไป ก็อาจตัดสินว่ามีความผิด แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน หรือจะกล้าให้เนวิน พ้นผิด เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่แทบไม่มีโอกาสที่จะให้เนวินติดคุก เลย

ทำไมคิดเช่นนั้นเพราะ

1. ถ้าเนวิน ต้องติดคุก ทั้งที่ช่วยงานทุกอย่างขนาดนี้ ก็ถือว่าใจหมาเหลือเกินแล้ว และจะเป็นตัวอย่างต่อไป ใครเขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่อีก กรณีเช่นนี้ ก็คงเหมือนกับ พวกที่ลอบยิงสนธิ ก่อคาร์บอมบ์ทักษิณ โอกาสติดคุกนั้นยากเต็มที่ ถ้าจะติด ก็ระดับปลาซิวปลาสร้อย ที่มีเงื่อนไขต้องเลี้ยงลูกเมียเขาให้ดี

2.เนวิน นั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่าประชาธิปัตย์ แม้ว่าจะโฉ่งฉ่างกว่า คุณภาพก็จำกัด ภาพลักษณ์ก็ด้อย แต่ฝ่ายที่ใช้เนวินนั้นสามารถควบคุมเบ็ดเสร็จกว่า เคยถึงกับข่มขู่แก้ผ้ามาแล้ว ใช้งานเนวิน ไม่ต้องกลัวทรยศ เพราะเป็นการเมืองระบบเก่า เรื่องเปลี่ยนขั้วนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่เป็นแรงงานใช้ได้ดีขนาดไหน ซึ่งการเมืองท้องถิ่น เก็บเเต้มเข้าพกเข้าห่อนั้น เนวินถนัดมาก น่าใช้ ต่างจากบางกลุ่มที่ชอบแบล็คเมล์ จนเอาไว้ไม่ได้ หรือพวกที่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ว่าง ๆ เดี๋ยวมันก็เอาชั่วใส่ให้ผู้มีอำนาจ

3.เนวิน ฉลาดพอที่จะเอาสถาบันมาบังหน้า ถ้าแค่ทำงานโดยการโจมตีทักษิณอย่างเดียว น้ำหนักยังไม่พอในการป้องกันตัว ต้องแสดงให้เห็นว่าทำเพื่อสถาบันด้วย ผลคือ หากฝ่ายกุมบังเหียนคิดจะตัดเชือกเนวิน ก็อาจเจอเสียงครหาว่า ทำเช่นนั้นกับผู้จงรักภักดีอย่างเนวินนั้นเหมะสมแล้วหรือ ข้อนี้จะเป็นประเด็นปกป้องเนวิน อย่างที่สนธิใช้ปกป้องตนเองอยู่

เมื่อพิจารณาจาก 3 ข้อนี้แล้ว หากเนวิน ต้องติดคุกแบบรักเกียรติ สุขธนะจริง ๆ ก็จะเเปลกใจมาก


เเล้วก็ขอนำความคิดเห็นที่เพื่อน ๆ ช่วยกันนำลงในวันนั้นมาให้อ่านด้วยครับ


ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
รายงานตัวครับพี่โจ้ ค่อนข้างชัดเจนแล้วกับความยุติธรรมแบบระยำตำบอนของประเทศชาติในขณะนี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่า เนวินต้องได้รับการอุ้มชูจากมือที่มองไม่เห็นต่อไป โดยถึงขั้นที่ทำให้พวกผู้ทรงคุณธรรมทั้งหลายต้องกลืนน้ำลายตัวเองเปลี่ยนข้างจากผู้ฟ้องร้องไปเป็นพยานให้ซะฉิบ เชื่อว่า คนผู้นี้คงไม่กล้าเอาหน้าม้า ๆ ไปโผล่ออกทีวีที่ไหนอีกแน่นอนครับ (หรืออาจไม่แน่ เพราะนอกจากหน้าม้าแล้วยังหนาอีกต่างหาก)ผมเชื่อครับว่า จะต้องมีคนอีกมากต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเองเพื่ออุ้มคนที่หนุนรัฐบาลนี้ตามคำสั่งของมือที่มองไม่เห็นอีกอย่างแน่นอนครับแล้วพบกันนะครับพี่โจ้ครับติ่ง
12/8/09 22:37


ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
ถ้าเป็นตามที่เขียน ... ประเทศนี้ก็ระยำได้ขนาดเลยคนผิดไม่ติดคุก ... มือที่มองไม่เห็น ...ประชาชนธรรมดา ข้อมูลไม่ลึกไปกว่าหน้าหนังสือพิมพ์ และไม่มีทางเกาะติดได้ทุกวัน ... จะทำไงดีในประเทศนี้ ...มาลงชื่อว่า ตามอ่านอยู่เสมอ ... แต่ไม่ค่อยเม้นท์
13/8/09 11:19


ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
สวัสดีครับ คุณทหารเรือรบเล่นแรงนะครับ เที่ยวนี้แต่ผมยังหวังในกระบวนการยุติธรรมครับคนทำผิดต้องถูกลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปไม่งั้นก็รอวันสิ้นสลายครับ ลำพังทุกวันนี้ บ้านเรา ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆแล้วเสาหลักสำคัญหากไม่เที่ยงตรง แล้วยังจะหวังอะไรได้อีกต่อไปในภาคหน้าจริงมั้ยครับ
14/8/09 12:28


ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
ข่าวว่าเนวิน ไปสิงคโปร์แล้ว มันจะหนีหรือเปล่านี่
14/8/09 13:02


ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
อยากให้พวกเสื้อเหลืองโดนคดีติดคุกบ้างจัง ดูมันจะร้องเอ๋งไหม๊
16/8/09 10:51


เรือรบ เมืองมั่น กล่าวว่า...
บทความนี้ถูกลบโดยผู้เขียน
18/8/09 19:44


เรือรบ เมืองมั่น กล่าวว่า...
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับศาลเลื่อนคดีเนวินไป 21 ก.ย.เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เชื่อเถอะครับ คนอย่างเนวิน ผืดจริงหรือเปล่าเราไม่ทราบ แต่เดาได้ว่าเขายังไม่ติดคุกในอนาคตอันใกล้หรอกครับ
18/8/09 19:51


ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
ไม่ติดคุกแน่นอน ตอนนี้เมืองไทยแน่ชัดแล้วว่า พวกฝ่ายมือที่มองไม่เห็นย่อม ไม่ต้องรับโทษไดๆ แต่อำนาจและชีวิตเป็นเรื่องไม่จีรัง คงต้องอดทน และรออย่างเดียว เพราะทำอะไรเขาไม่ได้
26/8/09 13:43

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

พม่ากับการเร่งผนึกรวมกลุ่มชาติพันธุ์

หลังจากปล่อยไว้เป็นหอกข้างแคร่มาระยะหนึ่ง กองทัพพม่าก็ตัดสินใจปฏิบัติการกดหัวมิตรด้วยกำลัง โดยเริ่มที่กองกำลังโกก้าง ติดชายแดนจีนเสียก่อน แต่การศึกเพื่อรวมชาติให้ทันก่อนปี 2553 ไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจชักพาพม่ากลับไปยังจุดที่เหมือนเช่นที่เป็นในกว่ากึ่งศตวรรษที่ผ่านมานี้ คือ สงครามแบ่งแยกดินแดนไม่จบสิ้น


สิ่งที่อยู่เบื้องหลังการสู้รบระหว่างพม่ากับกองกำลังเชื้อสายจีน ที่โชคชะตาและอสูรสงครามทำให้ตั้งบ้านแปลงเมืองอยู่ติดพรมแดนพม่า-จีนตั้งแต่ปี 2282 นั้นมีหลายประการ ประการที่เด่นชัดที่สุดคือ พม่าต้องการให้กองกำลังโกก้างและกองกำลังอื่น กลายมาเป็นกองกำลังใต้อาณัติของพม่าอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่ปล่อยไว้เป็นรัฐย่อยในรัฐใหญ่อีกต่อไป เพราะนั่นคืออุปสรรคสำคัญต่อการที่พม่าจะเป็นประเทศอย่างสมบูรณ์และศิวิไลส์ สมดังความตั้งใจแบบจักรพรรดิราชของผู้นำพม่าที่สืบทอดต่อกันมา


บางท่านอาจแย้งว่าสถานะปัจจุบันหรือสเตตัส โคว ที่ต่างฝ่ายต่างเป็นอยู่เช่นนี้ไม่ดีต่อรัฐบาลพม่าหรือ เนื่องจากในรอบสิบปีที่ผ่านมา ถือได้ว่ารัฐบาลทหารประสบความสำเร็จอย่างมากในการผนึกชาติพันธุ์ที่หลากหลายเข้ามาอยู่ใต้อุ้งท็อปบูทได้ในระดับหนึ่ง กองกำลังที่เคยสู้รบกับพม่า ถ้าไม่พ่ายแพ้ยอมจำนน ก็ขอหยุดยิงแล้วไปสร้างเมืองของตนเองให้เจริญรุ่งเรือง มีสันติภาพ ส่วนกองกำลังที่ยังสู้อยู่ คือของ เจ้ายอดศึกและกะเหรี่ยงคริสต์ก็เหลือน้อยง่อนแง่นเต็มที จนเกรงว่าอาจอยู่ไม่พ้นแล้งหน้า แล้วรัฐบาลพม่าจะเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู จะก่อศึกไปเพื่ออะไร ในเมื่อเสถียรภาพและสันติมีอยู่แล้ว อนาคตของการสืบทอดอำนาจหลังเลือกตั้งก็สดใส


การยิ่งเจริญขึ้นของเมืองพวกกลุ่มที่ยังไม่ยอมวางอาวุธหรือแปรสภาพมาเป็นกองกำลังอาสาสมัครรักษาชายแดนของพม่านั้นเป็นปัจจัยวิตกของผู้นำที่ปิ่นมนาว่า หากพวกนี้รุ่งเรืองเข้มแข็งมากขึ้น ไม่เพียงแต่ในอนาคตจะสามารถพัฒนากองกำลังจนทหารพม่าเอาชนะไม่ได้แล้ว ปัจจัยด้านมืดที่ทำให้พวกนี้รวยขึ้น เช่นยาเสพติดและอาชญากรรมต่าง ๆ ก็จะทะลักเข้าสู่พม่าตอนในจนความมั่นคงของประเทศเสื่อมทราม การประสบความสำเร็จของรัฐชายขอบนั้นยังอาจจะเป็นตัวอย่างให้รัฐชาติพันธุ์อื่นหันกลับมาต่อต้านพม่ามากขึ้น อยากปกครองตนเองมากขึ้น เพราะข้อเท็จจริงปรากฏเห็น ๆ ว่าพวกมอญ หรือยะไข่ ไม่ได้เจริญเท่าพม่าตอนใน


คมชัดลึก 1 กันยายน 52

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

ปัญหาทั้งหมดเกิดจากตรงไหน

ที่ประเทศไทยต้องเผชิญสภาพย่ำแย่ทุกด้านอย่างนี้ ทั้งที่เมื่อไม่กี่ปีก่อนยังมีแนวโน้มรุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศยุคใหม่อยู่เลย ก็เพราะคนสองกลุ่ม

กลุ่มหนึ่ง คือพวกขี้โกง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจของพวกตน โดยไม่แคร์ว่าจะกระทบต่อทั้งระบบยังไง และที่น่าเศร้าคือ พวกที่สอง หรือพวกหน้าโง่ ที่ดันเห็นว่าคนพวกเเรกเป็นคนดี มีจริยธรรม เลยสนับสนุนทุกอย่างที่พวกเเรกทำ ถึงตัวเองจะย่ำแย่ลงอย่างไรก็ไม่บ่น

คนสองกลุ่มนี้จะไม่หายไปจากโลกนี้ในเวลาอันสั้นซะด้วยซี ดังนั้น ไม่ว่าจะมีจุดเปลี่ยนผ่านกี่ครั้ง สังคมจะเเตกร้าว ซบเซา อ่อนแอ และอื่น ๆ อีกยาว

เขียนเท่านี้เเหละครับ ดูซิว่าใครจะออกปากแก้ต่างให้คนสองพวกนี้บ้าง หรือใครจะเหน็บแนมคนที่กล่าวหาสองพวกข้างต้น ก็อยากรู้เหมือนกัน

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

แนะนำ Facebook

เพื่อน ๆ ทุกคนครับ

ผมเปิด Facebook มาได้สักเดือนนึงแล้ว เป็นอีกช่องทางสื่อสารหนึ่งระหว่างผมกับเพื่อนฝูง ญาติมิตร และผู้อ่านคอลัมน์ผม ตอนนี้มีคนเข้าชมได้จำนวนหนึ่งแล้ว

ใน Facebook นั้น ในชั้นต้นนี้ได้นำภาพครอบครัวลงก่อน อย่างเช่นวันนี้มีการนำภาพเก่าคุณตาลง เพราะเป็นวันครบรอบ 1 ปีคุณตาเสีย ต่อไปจะพิจารณาลงเรื่องอื่น ๆ แต่คงไม่ใช่เรื่องการเมืองครับ

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

ตลิป"อภิสิทธิ์สั่งฆ่า" ยากจะจับตัวการได้

เรื่องลึกลับในเมืองไทยนั้นมีมากมาย และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เมืองไทยเจริญได้แค่นี้ จะรุ่งเรืองถึงขีดสุดไม่ได้ เพราะมีอำนาจเหนือระบบครอบงำอยู่

คลิปเสียงอถิสิทธิ์ที่ฮือฮากันอยู่นั้น อยากฟันธงเลยว่า ไม่มีทางจับตัวการได้ เอาแค่ต้นตอยังไม่รู้จะจับได้หรือเปล่า เดี๋ยวก็เลือนหายไปขากน้าสื่อตามที่รัฐบาลอยากให้เป็น แต่ฝ่ายเสื้อแดงเชื่อไปแล้ว

ในทางเทคนิค ก็สืบยาก ที่เคยจับการแพร่ได้นั้น เพราะคนทำเป็นคนแรกที่ปล่อยมาทางเน็ต แต่คลิปนี้ไรท์ลงซีดีก่อน ถ้าจะจับต้องทลายโรงงานผลิต (ซึ่งไม่มี เพราะไม่ได้ปั๊มขายใหญ่โต) หรือยึดคอมพิวเตอร์ที่ไรท์ แต่ตัวไหนล่ะ อยากมากก็จับแพะ พวกที่เผยแพร่โดนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้อีกหลายตัวเท่านั้น

แต่อุปสรรคที่ใหญ่กว่านั้น คือ คนที่ปล่อยคลิปเป็นผู้ที่แตะต้องไม่ได้ เรื่องบางเรื่องที่คนทั่วไปไม่รู้ ก็เพราะเขาไม่อยากให้รู้ เรื่องบางเรื่องที่เราได้รู้ ก็เพราะเขาจงใจจะให้รู้ เพื่อประโยชน์ของเขา

สังเกตกันไหมว่า หลายเรื่องที่ปรากฏในสังคมไทย เช่น ข่าวลือบ้าง ภาพถ่ายหรือคลิปพิเศษบ้าง เอกสารลับบ้าง เรื่องพวกนี้สามารถเกี่ยวพันกับคนมีชื่อเสียง น่านับถืออย่างไรก็ได้ นั้นทำไมหลุดรอดมาสู่ประชาชนทราบได้ แล้วก็จับใครไม่ได้ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องลับ ฝ่ายตรงข้ามหรือคนธรรมดาจะไม่สามารถตรัสรู้ได้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่จริง นั่นแสดงว่าคนที่ "แทงข้างหลัง" ก็คือคนที่ใกล้ชิดกับผู้เสียหายนั่นเอง

ในเมื่อใกล้ชิดแล้วยังมีอิทธิพลจนสาวถึงต้นตอไม่ได้ นั่นแสดงว่าขบวนการนี้น่ากลัวยิ่ง

ยิ่งคิดยิ่งหนาวว่า นอกจากเรื่องที่ไม่ถึงแก่ชีวิตเหล่านี้แล้ว ยังมีเรื่องคอขาดบาดตายอีกมากที่ตำรวจยังจับไม่ได้ เช่น ระเบิดส่งท้ายปีเก่า 49 หรือ ระเบิดขู่บ้านเปรม+พรรคประชาธิปัตย์ บางเรื่องก็หยุดอยู่แค่ลูกจ๊อก เช่นคาร์บอมบ์ทักษิณ หรือคดีจะยิงชาญชัย

กรณีคลิปอภิสิทธิ์สั่งฆ่านี้มีผู้แสวงประโยชน์หลายฝ่ายก็จริง แต่ผู้รับประโยชน์โดยตรงนั้นเชื่อว่าตัวใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเดาออก และกำลังตัดสินใจในทางลับว่าจะเอายังไงกันดีกับ"สาส์น"ที่แจ้งมาโดยวิธีพิสดารเช่นนี้

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

ใกล้เข้าสู่บทใหม่ การเมืองญี่ปุ่น

บทความนี้ขอต้อนรับ การชนะเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ญี่ปุ่น (ที่เป็นพรรคของคนนิยมประชาธิปไตยของจริง) ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 30 ส.ค.52 แล้วทำให้นายยูกิโอะ ฮาโตยามา จะเป็นนายกรัฐมนตรี บทความนี้ผมเขียนลงคอลัมน์โลกสาระจิปาถะ เมื่อ 24 ก.ค.52 โดยเป็นคอลัมน์แรกที่ได้เกียรติจากคมชัดลึกให้เขียนแทนคุณกวี จงกิจถาวร

ใกล้เข้าสู่บทใหม่การเมืองญี่ปุ่น

ถึงแม้ว่าการบริหารประเทศจะไม่ได้เรื่องมาโดยตลอด นายทาโร อาโสะ ก็ยังน่ายกย่องในตอนท้ายที่กล้ายุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่ในญี่ปุ่น 30 ส.ค.นี้เสียที โดยไม่เปิดทางให้หัวหน้าก๊วนแก๊งค์ในพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี พรรครัฐบาลที่กำลังเสื่อมศรัทธาในหมู่ประชาชนอย่างหนัก ได้มีโอกาสเปลี่ยนหน้ากันเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีกันอีก เพราะถึงได้เป็นนายกก็แก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ เพราะประชาชนไม่เอาด้วย ดังนั้นเมื่อยุบสภาแล้วก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า นายกคนต่อไปน่าจะชื่อ ยูกิโอะ ฮาโตยาม่า จากพรรคประชาธิปัตย์ญี่ปุ่น หรือ ดีพีเจ


ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใช้นายกเปลืองมาก เพราะนับถึงวันนี้ก็มี 59 คนเข้าไปแล้ว แค่หลังเลือกตั้งล่าสุดปี 48 ก็มีถึง 4 คน กระนั้นก็ตาม นับตั้งแต่หลังสงครามโลกเป็นต้นมา จะดีจะชั่ว พรรคแอลดีพี ก็ครองอำนาจมาโดยตลอด เว้นแต่ช่วงสั้นในปี 2536-39 เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนญี่ปุ่นออกแนวอนุรักษ์นิยมทางการเมือง สังเกตจากการไม่เคยแก้รัฐธรรมนูญเลยตลอด 62 ปี อีกทั้งฝ่ายแอลดีพี เองก็เล่นการเมืองเก่งมาก แม้แต่ในช่วง 15 ปีหลังมานี้ที่ขีดความสามารถของประเทศลดต่ำลงอย่างหนัก ก็ยังผลัดหน้ากันเข้ามาบริหารประเทศได้ แม้ว่าจะต้องเป็นรัฐบาลผสมบ้างก็ตาม แต่วันนี้ยากที่พรรคแอลดีพี จะฝืนขะตากรรม เพราะผลงานของนายกระยะหลังทุกคน ยกเว้นนายจุนอิฉิโร โคอิซูมิ ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ ทำให้พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคดีพีเจ ครองอำนาจในสภาสูงมาตั้งแต่ปี 2550 ทั้งล่าสุดในการเลือกตั้งท้องถิ่นปีนี้ก็เอาชนะพรรครัฐบาลอย่างถล่มทลาย จนกลายเป็นชนวนสำคัญที่นายอาโสะ ต้องลาออกในที่สุด


การที่ฝ่ายค้านครองอำนาจในสภาสูง ทำให้ฝ่ายรัฐบาลบริหารประเทศแบบเป็ดง่อย กฎหมายหลายฉบับต้องเสียเวลาในการผ่านร่าง รวมทั้งกฎหมายสำคัญอย่างเช่น การร่วมมือกับสหรัฐ ฯ ในสงครามอัฟกานิสถานหรือกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ขั้นตอนที่ถูกกีดขวางทำให้การบริหารประเทศไม่เป็นผล คะแนนนิยมของพรรครัฐบาลจึงต่ำลง ตอนนี้โพลล์ชี้ว่าฝ่ายแอลดีพีมีคะแนนตามดีพีเจ ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ หลังเลือกตั้งใหม่ พรรคดีพีเจ น่าจะครองควบทั้งสภาสูงสภาต่ำ การบริหารประเทศคงจะราบรื่นขึ้น


นโยบายของรัฐบาลใหม่คงทำให้การเมืองญี่ปุ่นเปลี่ยนโฉมหน้ากันไปพอสมควร ซึ่งเราคงจะได้มีโอกาสวิเคราะห์กันต่อว่า ญี่ปุ่นจะถอยห่างจากสหรัฐ ฯ ได้แค่ไหน เพื่อนบ้านจะแฮปปี้ขึ้นหรือไม่ และญี่ปุ่นจะหลุดพ้นขอบเหวทางเศรษฐกิจได้ไหม หวังว่าฮาโตยาม่า จะมีความทนทะเลพอควร ไม่ล่มภายในเวลาไม่ถึงปีอย่างที่โมริฮิโร โฮโซกาว่า นายกนอกแอลดีพีคนแรกเคยเจอมา