วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หากอำมาตย์ล้ำลึกจริง ต้องไม่ยึดทรัพย์ทักษิณ

พรุ่งนี้แล้ววันตัดสินชะตากรรมเงินจำนวนหนึ่งของทักษิณ ที่บางฝ่ายคิดว่ามาก




ถ้าเกิดยึดทรัพย์ทักษิณได้ บางคนเห็นว่านั่นคือวันมหาประชาปิติ ดีใจที่เอาเงินของเขามาเข้ารัฐได้ 75 เปอร์เซ็นต์ เข้ากะเป๋ากันเองอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อีกหลายคนกลับเห็นว่าเป็นวันมหาประชาวิปโยค ที่ระบบตุลาการเมืองไทยเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น

แต่หากให้ฉลาด อำมาตย์อย่ายึดทรัพย์ทักษิณ เพราะมีประเด็น 3 ข้อที่กล่าวไปแล้วเมื่อบทก่อน

ส่วนประเด็นที่เด็ดขาดจริงๆ คือ การกอบกู้ภาพลักษณ์ระบอบตุลาการภิวัตน์ขึ้นมาใหม่


ถ้าปล่อยทรัพย์ทักษิณหนนี้ เสื้อแดงก็หมดโอกาสอ้างว่าตุลาการเข้าข้างอำมาตย์ เพราะขนาดเงินตั้งเกือบแสนล้านอำมาตย์ยังตัดสินอย่างยุติธรรมเลย ว่าเข้านั่น

แล้วค่อยไปเก็บคืนกับคดีต่าง ๆ อย่างสบายใจเฉิบ ใครหาว่า 2 มาตรฐาน ก็ชี้ให้เห็นว่าไม่จริง โดยดูคดี 76000 ล้ายศาลยังตัดสินเป็นคุณกับฝ่ายทักษิณเลย เห็นไหมเล่า

เจอเข้าอย่างนี้ เสื้อแดงเห็นจะตาปริบ ๆ ต่อการลากยาวของคดีปิดสนามบิน ยึดทำเนียบ รุกเขายายเที่ยง และอีกร้อยแปด


แต่ถ้าหากอำมาตย์อยากให้ความรู้สึก 2 มาตรฐานเด่นชัด ก็รุกยึดทรัพย์ทักษิณเลย จุดพลิกผันจะได้มาถึงไวไว สะใจคอซาดิสท์

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เป็นไปได้ไหม ทักษิณจะไม่ถูกยึดทรัพย์

ผมจะไปดูงานภาคตะวันออกสัปดาห์หนึ่ง คงกลับมาพร้อมกับการตัดสินของศาลว่าจะยึดทรัพย์อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร 76000 ล้านหรือไม่ ใน 26 ก.พ.

ถ้าไม่มีการเลื่อน วันนั้นคงเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทยอีกวันหนึ่ง

คนที่รู้จักทั้งฝ่ายเสื้อแดง-เสื้อเหลือง ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าคงยึดทั้งหมด อีก 7-8 เปอร์เซ็นต์ ว่ายึดไม่หมดหรอก มีแค่หยิบมือที่กล้าบอกว่า ทักษิณคงหลุด ไม่โดนยึดทรัพย์


แม้จะมีหลักฐานชี้ไปในทางที่ว่างานนี้ทักษิณ ไม่น่ารอด แต่ขอผมพิจารณาแหกธงหน่อยนึงเถอะ

ที่ว่าทักษิณอาจไม่โดนยึดทรัพย์ นั้นไม่ใช่ว่าศาลเกิดมีไอเดียว่าทักษิณไม่ผิด หรือเป็นผลพวงจากดำรัสในหลวงเมื่อไม่นานมานี้ แต่เพราะว่า ฝ่ายอำมาตย์ยังไม่จำเป็นต้องเล่นงานทักษิณแรงขนาดนี้

1. ขณะที่ฝ่ายประชาธิปัตย์และเสื้อเหลืองเชียร์ให้ยึดทรัพย์เลย พวกเขาย่อมเผื่อใจไว้ด้วยว่าหากยึดคงเกิดความรุนแรง เพียงแต่พวกเขาคิดว่าคงรับมือได้ แต่ฝ่ายอำมาตย์ ซึ่งไม่ได้เป็นเนื้อเดียวน้อยเปอร์เซ็นต์กับสองพวกแรงนั้นน่าจะคิดไกลกว่า เพราะ "ดุลยภาพบนความขัดแย้ง" เป็นสิ่งที่ฝ่ายอำมาตย์ต้องการสูงสุด นั่นคือขัดแย้งได้ แต่หากเกินเลยไปจนถึงขั้นจลาจล อำมาตย์จะได้รับผลกระทบมากมาย เขาจะยอมหรือ

2. อำมาตย์ยังมีกลไกอีกมากที่จะเล่นงานทักษิณ ยึดทรัพย์เท่านี้ไม่กระเทือนทักษิณ เพราะทักษิณไม่ได้ใช้เงินตรงนี้มานานแล้ว ไม่ได้ทำลายความหวังทักษิณ เพราะทักษิณยังมีความหวังในชัยชนะอนาคต ซึ่งหากเขาชนะทุกอย่างก็ได้คืนหมด ดังนั้นฝ่ายอำมาตย์ต่อให้ก่อนก็ได้

3. ยึดเงินนั้นเป็นการแตกหัก แต่การปล่อยเงินหรือดึงไว้ก่อนเป็นหมากเเห่งการรอมชอม อย่านึกว่าอำมาตย์จะไม่เล่นมุกนี้ ทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ แล้วแต่การเจรจาทั้งนั้น แม้ว่าในทางเปิดฝ่ายอำมาตย์จะพยายามเล่นงานทักษิณมาหลายปี แต่ในทางลับการต่อรองหาจุดลงตัวยังมีอยู่เสมอ


อย่างไรก็ตาม เปอร์เซ็นต์การไม่โดนยึดทรัพย์นั้นน้อยกว่ามาก เเละหากยึดทรัพย์ไปก็ไม่มีใครแปลกใจ เพราะคาดเดาอยู่แล้ว แต่ที่คาดเดาไม่ถึงก็แล้ว ฉากต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น วุ่นวายโกลาหลขนาดไหน หรือเงียบสงบ แล้วฉากที่เกิดขึ้นนี้จะไปสู่ผลลัพธ์อย่างไร

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รับมือกับปัญหากัมพูชาอย่างมีสติ

นายกไทยกับนายกกัมพูชา กำลังทะเลาะกันอย่างหนัก และมีทีท่าว่าจะลากเอาส่วนอื่นของประเทศเข้าสู่กลไกความขัดแย้งด้วย วันนี้จะขอนำบทความที่นำลงเมื่อ 15 พฤศจิกายน ตอนที่รัฐบาลพลิกกลับจากการหงอให้ฮุน เซ็น มาเป็นโกรธกริ้ว เพียงเพราะทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาฝ่ายโน้น

ความห้าวที่ผิดกาละเทศะส่งผลกระทบมาจนถึงทุกวันนี้ ทางแก้ไม่ใช่การกลับไปหงอใหม่ ไม่ใช่การลุยทุกรูปแบบ และไม่ใช่การเอะอะอะไรก็เพ้อแต่คำว่าทักษิณ แต่ควรจะทำยังไงนั้นอ่านดูแบบไม่ตัดทอนเถอะครับ


รับมือกับปัญหากัมพูชาอย่างมีสติ



และแล้วรัฐบาลก็กล้าที่จะห้าวใส่ฮุน เซ็น สมดังความตั้งใจของกองเชียร์เสียที แต่การอ้างเหตุผลเรื่องทักษิณนั้นเป็นเรื่องที่ผูกปัญหายุ่งเหยิงที่ตามมาอีกมาก ขณะที่ยังไม่แน่ใจว่าปัญหาพื้นฐานที่เสียเปรียบกัมพูชาจริงๆ นั้น รัฐบาลจะแก้ได้หรือเปล่า หรือว่านี่เป็นเพียงเกมบลั๊ฟกันซึ่งไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากความได้เปรียบของพรรคประชาธิปัตย์ในการเมืองภายในประเทศ การรับมือกับปัญหานี้อย่างฉลาด หวังแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยไม่สร้างศัตรูถาวรเพิ่มขึ้นนั้นคือสิ่งที่ผู้มีอำนาจควรทำ



รัฐบาลควรตอบโต้เขมรมาตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ทหารกัมพูชารุกเข้ายึดพื้นที่ทับซ้อนสามพันไร่ ไม่ใช่ปล่อยให้พวกเขาตั้งมั่นอยู่บนยอดภูมะเขือ จ่อปืนใหญ่มาทางไทยได้ วิธีการแก้ไขปัญหาไม่ใช่การเอาบรรณาการไปส่งเปล่า ๆ ไม่ใช่การยกเลิกเอ็มโอยูทางทะเล ที่อาจปิดกั้นโอกาสการแสวงประโยชน์ในน้ำมันและก๊าซของกัมพูชา และไม่ใช่การอ้างสิทธิเหนือปราสาทพระวิหารที่เสียไปแล้ว แต่ต้องเป็นการผลักให้เขมรยกทัพออกไปให้ได้ และต้องให้ฮุน เซ็น เลิกการจับจ้องปราสาทตาเหมือนเสียด้วย การทบทวนความช่วยเหลือกัมพูชานั้นถูกแล้วและหากจำเป็นก็อาจต้องใช้กำลังอย่างจำกัด ควบคู่ไปกับการปักปันเขตแดนที่ควรแล้วเสร็จเสียที จะด้วยวิถีทางใด แลกพื้นที่บางส่วนของกันและกันก็ได้ถ้าจำเป็น



รัฐบาลต้องควบคุมกระแสชาตินิยมให้พอเหมาะ ไม่ใช่คลั่งชาติจนนำไปสู่การไม่ยอมกันของชนในชาติ การมุ่งเป้าไปที่อดีตนายกนั้น รัฐบาลต้องเล็งรับมือกับความไม่พอใจอย่างรุนแรงของเครือข่ายเสื้อแดงด้วย ปฏิกิริยาเร่งอย่างนี้ ต่อให้มีจุดพลิกผันหรือแตกหักเป็นห้วง ๆ ก็จะไม่มีวันจบลงในระยะเวลาอันสั้น ไม่รู้ว่ารัฐบาลเตรียมพร้อมขนาดไหน ยุทธศาสตร์ระยะยาวเป็นเช่นไร และจะเหมาะสมกว่าไหมที่จะดำเนินการกับกัมพูชาในแบบที่ทั้งฝ่ายเสื้อแดงและเสื้อเหลืองพอใจทั้งคู่ ไม่ใช่ยิ่งแตกร้าวกันหนักเข้าไปอีก และที่สำคัญคือความรู้สึกหรืออุดมการณ์ใด ๆ นั้นเป็นคนละเรื่องกับความจริงที่ตรงเข้าถึงตัวชาวบ้าน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมไปได้ รัฐบาลต้องไม่ลืมให้น้ำหนักกับประเด็นนี้เป็นอันขาด



ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่าให้ลามไปในด้านอื่น คงต้องเตรียมตัวรับผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งจากการค้าการลงทุนในประเทศนี้ และผลกระทบที่ชาติอาจเข้าสู่ภาวะไม่สงบเอาไว้ การตอบโต้ด้วยวาจาแบบเด็ก ๆ เช่น จะสร้างบ้านให้ผู้มีส่วนกับการปลุกกระแสความไม่สงบในพนมเปญเมื่อ 6 ปีก่อน (หมายถึง สมรังสี) นั้นไม่ควรเอ่ย ขณะที่การจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อรองรับศึกทางตะวันออกควรตรวจสอบให้ดี อย่าให้ใครใช้เป็นข้ออ้างหาประโยชน์เกินจำเป็นได้


ลงท้าย ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ขอให้เลือกดำเนินการในทางที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประเทศชาติและคนไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มก้อนใด ๆ

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สองมาตรฐานอย่างนึกไม่ถึง..กรณีสนธิ

ฟังความเรื่อง 2 มาตรฐานมานานแล้ว เคยรู้สึกว่าบางเรื่องที่เสื้อแดงกล่าวหาก็เป็นเรื่องจริง บางเรื่องก็เกินไป ฝ่ายกระบวนการตุลาการอาจไม่เจตนา



แต่วันนี้ อัยการทำให้ผมตาสว่าง



เพราะเขาฟ้องสนธิ ลิ้มทองกุล ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพบนเวที แต่ทำไมสนธิไม่ได้ ต้องยอมให้คนผู้นี้เลื่อนการเข้ารายงานตัวไม่มีกำหนด อ้อ จนกว่าจะรู้ผลว่าในหลวงจะพระราชทานอภัยโทษให้คนผู้นี้หรือไม่



เรียกว่าจะไม่ทำอะไรกันเลย จนกว่าจะอีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ ปล่อยให้สนธิลอยนวล



สนธิ นี่ก็แสบมาก เล่นเกมชิงขอพระราชทานโทษก่อนการตัดสิน นอกจากเพราะไม่อยากเข้ากระบวนการไต่สวนแล้ว ยังผลักภาระทางคดีให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินตัดสินเสียอีก เล่นอย่างนี้ไม่สนเลยว่าจะเป็นที่หนักพระทัยของพระองค์ท่านหรือไม่ ทั้งยังหนักใจฝ่ายฟ้องร้องเอาผิดด้วย



นั่นคือฝ่ายเกมที่สนธิเล่น



แต่ฝ่ายเกมที่อัยการเล่น จะรออะไร สนธิ ทำอะไรก็ทำไป ทำไมไม่บังคับให้คนผู้นี้มารายงานตัวให้ได้ ศาลจะได้รับลูกไต่สวนต่อไป รออยู่ทำไม เขาจะรอพระบรมราชวินิจฉัยก็เเล้วแต่เขา



เมื่อเทียบกับฏีกาของฝ่ายเสื้อแดงที่ตกชัดขลุกขลักอยู่ที่กรมราชฑัณฑ์ ฏีกาของสนธิ ขึ้นไปได้อย่างไร หรือได้รับอนุมัติตรวจผ่านจากสำนักเลขาธิการ หรือรัฐบาลประกอบความเห็นเรียบร้อยแล้ว ทำไมถึงต่างจากฏีกาของคนเสื้อแดง

ฝ่ายรัฐกระเหี้ยนกระหือต้องเอาทักษิณมาติดคุกก่อน แล้วค่อยให้ทักษิญขออภัยโทษทีหลัง แต่กรณีสนธิ ที่ขอนอนนอกคุกก่อน ขออภัยโทษล่วงหน้าคำตัดสิน .... ทำไมทำได้ครับ



กรณีนี้จะเป็นฟางอันสุดท้ายหรือไม่ รอดูกันต่อไป แต่บอกกันตรง ๆ หากฝ่ายอนุรักษ์ต้องการรักษาระบบของตนไว้ให้นานที่สุด ท่ามกลางพายุของความเปลี่ยนแปลง ก็ต้องกำจัดความอยุติธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องที่ฝ่ายของตนทำผิด อย่าช่วยกัน