วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

คำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุด

เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหน ผมมักจะได้รับคำถามประเภทที่ว่า "ความขัดแย้งในสังคมไทยนี้มันจะจบยังไง" "ฝ่ายแดงจะแพ้หรือไม่" หรือว่า "คนจะต้องตายกันอีกเยอะเลยหรือ" ขอเอามาตอบรวม ๆ นะที่นี้เลยครับ


1.จบยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าอีกนานครับ เป็นสิบปีทีเดียว เพราะคู่ขัดแย้งไม่ได้อยู่แยกกันแบบยุคคอมมิวนิสต์ แต่อยู่ปนกันไปทุกที่ มีวิถีชีวิตคล้ายกัน เป็นเพื่อนกันก็มี แค่นี้จะเอาชนะหรือเปลี่ยนใจกันก็ยากแล้ว ในโลกที่ข่าวสารมากมาย ความเชื่อของคนยิ่งแตกต่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบังคับหรือชักจูงให้คนเชื่อตามฝ่ายตนได้อย่างไร เพราะคนเขาฉลาดทันกันแล้ว

2.ยุทธบริเวณที่ราชประสงค์นั้นรบกันจริง ๆ เสื้อแดงคงสู้ไม่ไหวครับ เพราะทหารมีอาวุธหนักกว่ามาก เว้นเสียแต่กองกำลังไม่ทราบฝ่ายจะก่อกวนทหารทางด้านหลังแบบขนมชั้น ทำให้ทหารต้องตัดสินใจหยุดการสลายไว้ก่อน

3.แต่อุดมการณ์แดงนั้นกระจายไปทั่วประเทศแล้ว เลยยังไม่แพ้สงคราม หากโดนสลายเขาก็ลงดิน คนมีอุดมการณ์แรงกล้าไม่กี่พันคนก็สู้กับอำนาจรัฐได้แล้ว นี่ยังไม่รวมแนวร่วมมวลชนมหาศาล ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีสัดส่วนน้อยกว่านี้เสียอีกนี่ผ่านมาหลายปีแล้ว สถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ

4.ทักษิณหรือเสธ.แดงตายก็หยุดอุดมการณ์นี้ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้มันไกลกว่าตัวบุคคล ไกลกว่าท่อน้ำเลี้ยงไปแล้ว จริงอยู่ว่าหากแกนนำถูกจับ การนำ การสั่งการ และกลไกอื่น ๆ ย่อมต้องสะดุด น่าจะคล้ายกับเมษาปีกลาย แต่ไม่นานก็ก่อรูปมาได้ใหม่ เนื่องจากเงื่อนไขยังอยู่

5.แล้วจะแก้ไขยังไงจึงจะจบให้สวย... เรื่องนี้ต้องมองให้ไกลกว่าเรื่องทางนิติศาสตร์ หรือ"ถูกใจถือว่าไม่ผิดกฏ แต่ผิดใจก็เปิดกฏ(กะจะเล่นงานมัน) เพราะถ้าไม่งั้นก็ไม่มีโอกาสเลย ขนาดทำอย่างนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะจบยังไง ตามข้อ 1 ที่ว่าไว้

6.แล้วเราควรทำตัวยังไง... ปกติท่านทำตัวยังไงล่ะครับ ทุกคนที่ทำตัวอยู่นี้หรือแค่คิดเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็มีส่วนในปัญหาที่เราเผชิญอยุ่ทั้งสิ้น รวมทั้งความคิดแบบว่า "ฉันถูกหรือฉันอยู่เฉย ๆ แกสิผิด" ด้วย ทางแก้นั้นเหลือวิสัยสำหรับคนธรรมดา (ไม่ว่าเชียร์ฝ่ายไหน) ที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยตรงกับเกมต่อสู้คราวนี้ เพราะท่านพอจะสามารถควบคุมตัวเอง แต่ไม่มีทางควบคุมสถานการณ์ได้เลย คำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือ เป็นอย่างที่เป็น ทำอย่างที่ทำนั่นแหละครับ แต่เผื่อหนทางรับแรงกระแทกผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่จะมีต่อท่าน ครอบครัวและเพื่อนฝูงเอาไว้ด้วย ซึ่งตรงนี้แต่ละคนมีหนทางเหมาะสมต่างกัน

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

ว่าด้วยการยึดพื้นที่คืนวันที่ 10 เมษาโศก

พึ่งกลับมาจากงานศพ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ. พล ร.2 เพื่อนเซ็นต์คาเบรียลตั้งแต่ ป.1 ด้วยกัน เลยมีอารมณ์จะเขียนบล็อกในมุมมองของผมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา

1.ขอให้คนตายทุกฝ่าย ทั้งเสื้อแดง ทหาร และสื่อมวลชน จงไปสู่สุคติ ภาระหน้าที่ในโลกนี้ของพวกท่านจบลงแล้ว กรรมจะเป็นผู้ชี้ความยุติธรรมในโอกาสต่อไป

2.กองทัพวางแผนผิดพลาดในการบุก แทนที่จะใช้กำลังเวลาสว่างในที่เปิดหัวถนน ดันเคลื่อนกำลังพลเข้าช่องแคบในซอยที่มีตึกสูง โอกาสถูกรุมทำลายมีมาก ที่เป็นเช่นนี้ต้องโทษ"คนหน้าหล่อใจดำ" ที่สั่งให้ยึดพื้นที่ให้ได้ แม้ว่าจะมืดแล้วก็ตาม ผลเลยสูญเสียด้วยอาวุธหนักอย่างที่เห็น

3.การตัดสัญญาณพีเพิลเเชลเเนลไม่ทำให้ช่องทางสื่อสารของเสื้อแดงลดลงเลย ความจริง TV ยุคนี้ไม่ได้มีค่าเเค่สื่อสาร แต่มีค่าในเชิง"ปฏิบัติการข่าวสาร" (Information Operation) ซะมากกว่า ในเมื่อตัดการสื่อสารไม่ได้ เมื่อมีการพยายามปราบผู้ชุมนุม ผู้ชุมนุมจึงระดมกำลังมาได้รวดเร็ว หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ใช้อาวุธจึงมาทัน 1 ทุ่มของคืนนั้น

4.พลเรือนตาย 16 คนด้วยอำนาจกระสุน M-16 เป็นหลัก รัฐบาลพยายามขอให้ประชาชนเชื่อว่า เสื้อแดงยิงกันเอง ทหารไม่ใช้อาวุธสงคราม แต่คนเสื้อแดงไม่มีวันเชื่อหรอก และพวกเขาจะล้างแค้นด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนั้นข้อเสนอที่ให้อภิสิทธิ์ห่วงความปลอดภับลูกเมียตนเอง ออกนอกประเทศไปซะ จึงสมเหตุสมผลยิ่ง

5.กองกำลังติดอาวูธที่มาช่วยเสื้อแดงจะเป็นกองกำลัง trackII ของทักษิณ หรือเป็นมือที่ 3 นั้นไม่สามารถรู้ได้เวลานี้ แต่ถ้าถามว่ามีความชอบธรรมในการใช้อาวุธไหม คนเสื้อแดงจะไล่ให้คนถามย้อนไปอ่านข้อ 4 อย่าลืมว่าเมื่อการปะทะเกิดขึ้น ฝ่ายหนึ่งใช้กำลัง อีกฝ่ายถ้าไม่ยอมแพ้ ก็ต้องสู้ด้วยกำลังทุกอย่างที่มี


6.การที่กองทัพสั่งการให้ พล.ร.2 ออกศึก นั้นมีนัยสำคัญ เพราะกองพลนี้มีประวัติในการปราบเสื้อแดงปีกลาย ในขณะที่หน่วยอื่นไม่กล้าใช้กำลัง ดังนั้น เมื่อฝ่ายกองกำลังติดอาวุธใช้ M-79 ยิงเข้าเต๊นท์ผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นจุดศูนย์ดุลทางยุทธวิธิ ( Tactical Center of Gravity) ทำให้ผู้บังคับบัญชาเจ็บตายยกแผง ทหารที่เหลืออยู่จึงทำการรบต่อไม่ได้ ต้องล่าถอยนำคนเจ็บระดับ ผบ.กลับก่อน

7.ถ้ากองพลที่ร่นถอยไม่ใช่ พล.ร.2 มีหวังไม่เกินครึ่ง ชม. กำลังระลอก 2 ของกองทัพออกมารบด้วยอาวุธหนักกว่าเดิมแน่ แต่พอหมดกองพลนี้ก็หมดตัว ศอฉ.จึงออกมาขอหย่าศึก และในเมื่อไม่มีกำลังที่จะกล้ายึดพื้นที่โดยใช้กำลังแบบ พล.ร 2 อีก กองทัพเลยขอกลับกรมกองในวันถัดมา เลิกคิดสลายชุมนุม แม้ว่าอภิสิทธิ์จะอยากทำต่อ

8.ในคืนนั้นฝ่ายเสื้อแดงไม่รู้ความจริงว่าทหารที่เจ็บตายคือใคร มีความสำคัญอย่างไร จึงยอมรับการหย่าศึก ที่ไม่รู้เพราะกองทัพปิดข้อมุลรายชื่อการสูญเสียกำลังพลไว้ 1 คืน นี่ถ้าเสื้อแดงรู้ว่าพล ร.2 สุญเสียขนาดนี้ เสื้อแดงอาจลุยต่อที่ ราบ 11 ทุกอย่างจบลงคืนนั้นก็ได้ ในเมื่อคืนนั้นไม่รู้ เลยเกรงเจอกำลังระลอกสองของฝ่ายทหาร

9.โอกาสที่จะเกิดการสลายม็อบนั้นยาก ยังไงรัฐบาลคงต้องยุบสภาแน่ คนตายมากขนาดนี้อยู่ไปได้ไม่นานหรอก แต่ที่น่ากลัวคือ การลอบสังหารจะเกิดขึ้น ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธยังมีเสรีในการปฏิบัติ เสื้อแดงที่โกรธแค้นมีอาวุธหลายหลาก ปืนกลรถสายพานลำเลียงพลยังมีเลย M-16 อีกเป็นร้อย ของที่ยึดได้พวกนี้คืนให้รัฐไม่ครบแน่ พวกเสื้อเหลืองต้องระวังให้ดี ในยามที่ดูเหมือนจะสงบ ขณะที่ฝ่ายบูรพาพยัคฆ์ก็คงล้างแค้นในทางลับต่อพวกกองกำลังติดอาวุธ



จบตอนแค่นี้ก่อน