วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บางรักซอย 9 กับรสนิยมการเมืองป้ายสีฝ่ายแดง

ผมเป็นคนชอบดูละครเรื่องนี้ทางช่อง 9 เพราะตลกและมีสาระ แต่ก็หนักใจในความไม่เป็นการทางการเมืองของละครเรื่องนี้

ช่วงที่พันธมิตรกำลังเริงร่าบนถนนมีสองสามตอนที่ละครเรื่องนี้ออกแนวสนับสนุน เช่น ให้ตัวละครตัวหนึ่งพูดว่า "ทักษิณ" อีกตัวไอในลำคอดังว่า "คุก คุก" การเลือกข้างเช่นนี้ทำให้ผู้จัดละครโดน แจ๋ว ดอกจิกของไทยรัฐจวกไปหนนึงแล้ว เลยเงียบไป

พอมาวันนี้เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าโดนใบสั่งหรือว่าเป็นความรู้สึกลึก ๆของคนจัด ทั้งที่ในหลายตอนที่ผ่านมาก็หลีกเลี่ยงประเด็นการเมืองอย่างเต็มที่

เป็นที่รู้กันว่าว่าละครเรื่องนี้เก่งด้านโฆษณาแฝง ทำได้เนียน วันนี้ก็นำกลวิธีนี้มาใช้กับละครตอนที่ฝ่ายพระเอกแข่งกีฬาสีเด็กอนุบาลกับคู่แข่ง ผมเริ่มเอะใจตั้งแต่ที่เห็นทีมพ่อแม่ลูกของฝ่ายคู่แข่งใส่สีแดงล้วนแล้ว (ปกติละครเรื่องนี้จะหลีกเลี่ยงสีเหลือง สีแดง ถ้าจะมีคนใส่สีแดง คนนั้นจะเป็นชนชั้นล่างอย่างคนใช้ในเรื่อง ไม่มีทางที่ระดับดาราจะใส่สีแดงเด็ดขาด)

เนื่อเรื่องคือ ฝ่ายพระเอกแข่งกีฬาแล้วเข้าเส้นชัยไปตีกะดิ่งหลังทีมสีแดง ซึ่งก็น่าจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่กรรมการอ้างว่าตามกฏแล้ว ทีมสีแดงทำผิด เพราะพ่อแม่ลูกไม่เข้าเส้นชัยพร้อมกันทั้ง 3 คน แต่ทีมของพระเอกเข้พร้อมกัน จึงปรับทีมสีแดงแพ้

ทีมสีแดงโดยตัวพ่อจึงโวยวายเหมือนนักเลง ขู่จะฟ้องกระทรวงศึกษา แม้แต่เมียเข้าห้ามก็จะทะเลาะกัน พระเอกจึงเข้าไปห้ามสีแดงตัวพ่อโดยพูดว่า "ผมจะไม่อยากยุ่งหรอก ถ้าลูกคุณไม่นั่งร้องไห้ เพราะเห็นครอบครัวทะเลาะกัน ดูสิเรื่องเล็กแค่นี้แค่นี้ยังทะเลาะไม่ยอมรับกติกา แล้วเรื่องใหญ่ระดับชุมชนสังคมจะไม่วุ่นวายเหรอ น่าจะกลับไปดูครอบครัวตัวเองซะก่อน"

เป็นไงครับ สื่อถึงอะไร เขาหาว่าใครเป็นคนผิด แล้วกรรมการก็ชูมือให้ฝ่ายพระเอกดีใจกัน เพราะชนะได้อำนาจรัฐ ..เอ๊ย..ได้ถ้วย

แต่ขอโทษ คนเขียนบทลืมตรงนี้ไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะตามกติกาที่กรรมการว่าไว้คือ พ่อแม่ลูกเท่านั้นร่วมตีระฆังก่อนจึงชนะ แต่ครอบครัวพระเอกนั้นไม่ใช่พ่อแม่ลูกครับ หลอกลวงตั้งแต่ต้น เพราะพ่อแม่ตัวจริงของเด็กมาเล่นไม่ได้ เลยต้องให้พระเอกนางเอกเล่นแทน

ประเด็นนี้ทำเฉยครับ ทำให้คิดไปว่า อ้อ ถ้าเป็นเสื้อแดงผิดกติกานิดเดียวกรรมการจับแพ้เลย แถมโดนสั่งสอนอีก แต่ถ้าเป็นพวกเทพแล้ว ถึงผิดกฏมาตั้งแต่ต้น ฉันก็จะอุ้มให้เป็นผู้ชนะให้จงได้

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

27 มิ.ย.

27 มิ.ย.วันวัดใจ น่าห่วงว่าอาจเกิดเรื่อง เพราะมีคนจ้องจะให้เกิดเรื่อง

การอ้างแผนตากสิน 2 ที่ไม่น่าเป็นจริง แต่หากทำจะเกิดผลลัพท์สูงสุดนั้น ดูเหมือนว่ามีบางกลุ่มรับลูก และอาจก่อให้เกิดความรุนแรงในลักษณะ ชิงเล่นงานก่อน

เพี้ยง ขอให้คราวนี้ทำนายผิด เพราะไม่อยากให้เกิดการนองเลือด

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มรดกจากยุคทักษิณ เกาหลีทุกวันนี้ยังใช้ตาม

เมื่อกี้ไปฟังท่านทูตเกาหลีใต้บรรยายเรื่องความร่วมมือเกาหลี-อาเซียน ที่มีความคืบหน้า เวทีล่าสุดคือที่อภิสิทธิ์ไปประชุมที่เกาะเชจู 1-2มิ.ย.52 นั่นแหละ

ท่านก็ว่ามีความคืบหน้าทำข้าตกลงกันหลายเรื่อง เอฟทีเอเอย ต่อต้านนิวเคลียร์เอย เเละที่เกาหลีถือว่าสำคัญคือ 3 โครงการที่เขาเสนอ คือร่วมมือด้านวัฒนธรรม การพัฒนาและการสร้างโลกสีเขียว ก็ว่ากันไป

แต่ผมมาสะดุดตรงที่ ท่านพูดถึงแนวทางความร่วมมือของอาเซียนกับเกาหลี ในการป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจหลังจากเจอตัวอย่างมาเมื่อปี 2540 ก็คือ ใช้ 3 กลไกนี้

- Chingmai Initiatives ที่ต่างลงขันกันเป็นทุนสำรอง ใครคิดจะโจมตีค่าเงินบาทแบบปี 40 ก็เอาตรงนี้ไปอุด แนวคิดนี้คนคิดคือใครผมยังไม่ได้ค้นข้อมูล แต่ทำได้จริงโดยโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกยุคสมชาย

(ตรงนี้มีเกร็ดนิดนึง คือ แต่ละชาติช่วยกันลงเงินไป แต่มีข่าวจากพวกเสื้อเหลืองว่า รัฐบาลสมชายเอาเงินทุนสำรองของชาติไปละลายสู้ค่าเงินบาทหมดแล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์จึงต้องกู้ เรื่องนี้จริงหรือโกหก ใครทราบช่วยบอกผมทีเถิด)

- ASIA BOND ประมาณ 30 ชาติออกพันธบัตร เพือชาติเอเชียจะได้ช่วยเหลือกันเองเหมือนกัน แนวความคิดนี้เป็นของทักษิณ ชัด ๆ ผลักดันมาตั้งแต่ปี 45

- East Asia Community คือให้เอเชียแปซิฟิกรวมตัวให้มากที่สุด จากอาเซียน+3 ไปจนรวมเอเชียตะวันออกไกลได้หมด จนฝรั่งต้องมาขอแจมกลายเป็น EAC ทุกวันนี้ ทักษิณก็คิดเป็นคนแรกอีก


3 กลไกนี้ผลักดันมาตั้งแต่ทักษิณ แต่ท่านทูตเกาหลีอ้างว่าเกาหลียึดหลักนี้มานานแล้ว ก็ไม่น่าเเปลกใจ เพราะท่านทูตเป็นคนที่พึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลของประธานาธิบดี อี เมียง บัก ที่เขาว่ามีแนวคิดเป็นแบบทักษิณ อย่างยิ่ง คือ

- รวยจากการเป็นนักธุรกิจ เป็นทุนนิยมที่อยากเอาการบริหารธุรกิจมาใช้บริหารประเทศ
- ชอบเมกะโปรเจคท์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง
- มีปัญหากับรัฐวิสาหกิจ เพราะพยายามจับแปรรูป เพราะคิดว่าประสิทธิภาพงานจะดีกว่าเสือนอนกิน
- ยึดหลักให้ทุนประชาชน เพื่อให้ประชาชนผลิตกลับมา ไม่ใช่เอาแต่แจก แล้วปีหน้าแจกใหม่

นักวิจารณ์กล่าวว่า คนมีนโยบายแบบนี้ก็ เช่น มากาเร็ต แธตเชอร์ของอังกฤษ โรนัลด์ เรแกน ของอเมริกา ผลก็คือ รัฐวิสาหกิจโดนจับแปรรูปหมด คนประท้วงกันใหญ่ แต่นานไปประเทศกลับเจริญแบบยั่งยืน คนสรรเสริญมากกว่าด่า

ยุคของอีเมียงบัก เราก็คงต้องดูต่อไป ส่วนยุคของทักษิณนั้นผ่านไปแล้ว ท่านใดที่มีชีวิตอยู่ในยุคทักษิณ ช่วยตอบผมทีสิว่าประเทศเจริญกว่ายุคของ คมช. หรือยุคของอภิสิทธิ์ หรือเปล่า หรือว่าสองยุคหลัง เจริญกว่า

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อนาถใจ รัฐบาลไทยมีแต่ง้อต่างชาติ

ไม่รู้เป็นอะไร รู้สึกว่าห่อเหี่ยวใจสิ้นดีที่ เดี๋ยวนี้มีแต่ข่าวว่า ไทยเราอ่อนน้อมต่างชาติเขาไปหมด ทั้ง ๆ ที่วันนี้เรามีศักดิ์ศรีเป็นถึงประธานอาเซียน แต่ดูมันกระจอกสิ้นดี ไม่เกรงขาม น่าสง่างามเอาเลยในเวทีโลก

นึกถึงเมื่อก่อน ที่นายกคนที่ถูกด่าว่าโกงชาติอยู่ ทำไมต่างชาติมันเกรงใจให้เกียรตินักหนาก็ไม่รู้ ได้เป็นทั้งผู้จัดประชุมเจรจาสันติภาพให้หลายประเทศ ก่อตั้งกองทุนการเงินเอเชีย จัดงานใหญ่โตอย่าง APEC และฉลองให้ในหลวง ชนิดที่ใครก็ซูฮก เรื่องแบบนี้ถึงคนที่มีอคติต่อทักษิณ ก็ต้องยอมรับว่ายุคนั้นไทยดูมีภาพลักษณ์สูงในเวทีระหว่างประเทศจริง ๆ

ยุคนี้ล่ะครับ

เรื่องแพนด้า ดีใจกันจะเป็นจะตายที่ได้ลูก แล้วจะไปง้อจีนขอให้รัฐบาลปักกิ่งยอมให้ลูกแพนด้าอยู่ในไทยต่อ โธ่ ช่างไม่รู้กันเลยหรือว่าจีนให้แพนด้าเป็นสื่อเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองนานแล้ว ไต้หวันคู่ปรปักษ์รู้ทันเลยไม่รับเอามาไว้เลย ฝรั่งเขารับ เพราะต้องการมีไมตรีกับจีน แต่เขาก็ไม่คลั่งขนาดที่ต้องบินไปอ้อนวอนจีนขอเลี้ยงต่อ ซึ่งมีหรือที่จีนจะหักหาญน้ำใจ

ในเมื่อจีนไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เรื่องอะไรต้องออกข่าวใหญ่โตในเชิงที่คนระดับ รมต.ไทยต้องไปอ้อนวอนเขาล่ะครับ แล้วไม่มีใครพูดมั่งถึงทูตสันถวไมตรีในหลวงส่ง"สมเสร็จ" สัตว์ที่มีเฉพาะในไทยไปให้จีนเลี้ยงตั้งแต่ปี 2524 ป่านนี้มันตายไปหรือยัง มีลูกหรือเปล่า จีนทำยังไงบ้าง ไม่พูดบ้างล่ะครับ

ล่าสุดที่เจ็บใจคือ การที่นายกบินไปคืนโบราณวัตถุให้เขมรถึงพนมเปญ เซ้นจ์มันเหมือนกับที่พระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์อยุธยาต้องมอบบรรณาการช้างเผือกให้บุเรงนอง กษัตริย์พม่า ที่เข้มเเข็งกว่า ยังไงยังงั้น

ถูกล่ะ ที่โบราณวัตถุเป็นของเขมร ควรคืนให้เขาไป แต่...

ทำไมต้องบินไปคืนถึงที่ ออกข่าวใหญ่โต ในยามที่เรามีปัญหาชายแดนกับกัมพูชา ทั้งนายกและ รมว.กต.ควรกร้าวใส่ฮุนเซ็น หรืออย่างน้อยต้องแสดงท่าทีว่าเราเอาจริงกับการล้ำแดนของทหารเขมร ไม่ใช่การยิ้มระรื่น อ่อนน้อมคืนของให้เขา เหมือน "ผมเกรงใจพี่คร้าบบบ"

ทำไมไม่ให้ระดับอธิบดีกรมศิล์ปเอาไปคืนเงียบ ๆ อภิสิทธิ์เเสดงเองอย่างนี้รู้ไหม คนเขมรยิ่งฮึกเหิม คนไทยยิ่งใจฝ่อ

การแสดงออกแค่เรื่องแพนด้ากับโบราณวัตถุแบบนี้ แสดงว่ารัฐบาลไม่รู้หลักขวัญและกำลังใจคนไทยเลย นึกแค่ว่าขอให้ฉันได้โชว์ได้ออกงานระหว่างประเทศอะไรก็ได้ก็ถือเป็นการทำงานให้ชาติแล้ว คิดอย่างนี้มันแค่ระดับข้าราชการประจำ รู้ไว้ด้วยว่าทุกท่วงท่าการแสดงออกในเวทีโลกนั้น เราต้องแสดงอย่างมั่นใจ ไม่เป็นรองชาติอื่น ให้คนไทยที่อยู่หลังคอยเชียร์ มีความฮึกเหิม ถ้าท่านทำได้ คนไทยก็จะมีกำลังใจสู้ชีวิต รวมพลังผลักดันชาติต่อไป ไม่เช่นนั้นก็ล้มเหลวกันทั้งประเทศ รวมทั้งพวกท่านด้วย

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สังคายนาระบบเอาเปรียบคนตายของไทย กับการตายของคาร์ราดีน

เชียร์ครับ

วันนี้เอง ญาติพี่น้องของดาราเดวิด คาร์ราดีนที่มาตายปริศนาในไทย ประกาศเอาเรื่องจนถึงที่สุดกับบุคคลหรือนิติบุคคลใดก็ตาม ที่ถ่ายภาพคาร์ราดีนแขวนคอผูกจู๋ตายคาห้องพัก ในข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัวและทำร้ายจิตใจพวกเขา

เอาเลยครับ คนและสื่อพวกนี้หากินอย่างนี้ แลกกับเงินมานานแล้ว

คนไทยส่วนใหญ่และญาติพี่น้องคนเจ็บคนตายอึดอัดใจมานานแล้ว ที่เวลาญาติพี่น้องของเขาโดนข่มขืนบ้าง ถูกฆ่าบ้าง เป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์แท้ ๆ กลับโดนสื่อเอาทั้งรูปถ่าย ที่อยู่ บัตรประชาชน สภาพศพ ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ทำไปเพื่ออะไร เพื่อความสะใจและได้เงินจากยอดขายของคนที่ระทึกไปกับการอ่านข่าว

สื่อเช่นนี้มันชั่วจริง ๆ

ที่ชั่วพอ ๆ กัน และได้เงินได้ทองด้วย ก็พวกเก็บศพบ้าง พวกผู้รักษากฏหมายบ้าง พวกนิติเวชบ้าง พวกนี้เป็นคนที่สามารถเข้าถึงศพหรือผู้เสียหายก่อนใคร คนเลว ๆ บางคนเลยรับเงินสื่อ แลกกับการเอารูปศพ เล่าสภาพศพ ให้สื่อรับทราบ

อย่ากรณีคาร์ราดีน ก็โบ้ยกันเอง รูปที่ออกมานี่ทนายคาร์ราดีนอ้างตำรวจไทยว่าเจ้าหน้าที่นิติเวชเป็นคนเอามาขยาย ก็โบ้ยกันไป

ผมสะอิดสะเอียนกับการย่ำยีจิตใจคนของพวกไม่นึกถึงจิตใจคนเหล่านี้มานานแล้ว หากินกับศพอย่างไม่ละอาย จะอ้างว่าเพื่อการตามตัวคนร้ายหรืออะไรนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะนั่นสืบสวนทางลับได้ การเอารูปเอาเรื่องผู้บริสุทธิ์มาลงนั้น ญาติพี่น้องเขาเจ็บปวด อับอาย สังคมรู้กันหมด ไม่ต้องมาอ้างว่า คาดตา หรือโมเสคภาพ ปิดชื่อจริง ถุย รายละเอียดอื่นประกอบยังกะไปนั่งยอง ๆ ดูเขาฆ่ากัน ข่มขืนกันในเหตุการณ์ ของพวกแกนั้นทำให้คนเขารู้หมดล่ะว่าใคร

ในเมืองนอก รูปนั้นจะมาจากการได้รับอนุญาตจากครอบครัวคนตายเท่านั้น และไม่มีหรอก ภาพอุจาดตา ยิ่งเรื่องข่มขืน เขาปิดชื่อ ที่อยู่ หมด มันเป็นหน้าที่ที่ตำรวจจะไปสืบสวนเอาผิดคนร้าย ไม่ใช่หน้าที่ของสื่อขายข่าวให้ชาวบ้านเอาไปนั่งเมาท์กัน

เชียร์ ครอบครัวคนตายเอาเรื่องให้วัฒนธรรมเลวร้ายเหล่านี้หมดไปจากสังคมไทยซะทีครับ

ส่วนหมอพรทิพย์นั้น ผมไม่อยากพูดถึงแกมาก คนที่ทั้งเหลืองไม่เอา แดงไม่เอา น้ำเงินไม่เอา นั้น ไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ในสังคมได้อย่างไร

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

งานหลักของกองทัพไม่ใช่การรับมือคนเสื้อแดง

สถานการณ์ความแตกแยกทางความคิดการเมืองวันนี้ที่รุนแรงเสียจนหลายคนหวาดผวาว่าถ้าหากปราศจากกองทัพแล้ว ใครก็คุมไม่อยู่นั้น เป็นความคิดที่ผิดพลาดและจะทำให้ประเทศต้องถอยกลับไปสู่ยุคที่ต้องพึ่งทหารเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน การมัวแต่ใช้ทรัพยากรของกองทัพไปในการสกัดกั้นการเติบโตของคนเสื้อแดงนั้นรังแต่จะกีดขวางการปฏิบัติหน้าที่หลักของทหารในทิศทางอื่นที่กำลังเจอวิกฤตของจริง และกองทัพนั้นก็กำลังสูญเสียความสนับสนุนของคนอีกครึ่งแผ่นดินในยามที่กองทัพกำลังต้องการแรงสนับสนุนนี้อย่างมากด้วย


จินตนาการของผู้มีอำนาจที่ยังผูกโยงความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเข้ากับอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรบ้าง ลัทธิคอมมิวนิสต์ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้าบ้าง ทำให้มองคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายตรงข้าม เห็นแก่เงินค่าจ้าง ไร้ปัญญาหลอกจูงได้ง่าย ดังนั้นจึงใช้พลังอำนาจทุกทางเปลี่ยนใจคนเสื้อแดงให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะถูกโวยเรื่องสองมาตรฐานหรืออย่างอื่นอย่างใด กองทัพในฐานะม้าที่ต้องทำตามคำสั่งจ๊อกกี้ก็พลอยถูกดึงลงมาเล่นเกมนี้ด้วย แม้ว่าเคยพยายามถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว


ในเมื่อยุทธศาสตร์เป็นเช่นนี้ ยุทธการเลยล้อตาม ไม่เช่นนั้นคงไม่เห็นการนำอาวุธหนักออกมาไล่จับเสื้อแดงตอนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามอ่อนแรงที่สุด ผลก็คือ ใครจะสู้คนมีปืนได้ คนเสื้อแดงสลายไป แต่ก็แค่ชั่วคราว พวกเขาเกลียดชังรัฐมากขึ้นและพลอยเกลียดชังกองทัพไปด้วย การส่งคนลงไปปฏิบัติการจิตวิทยานั้นไม่ได้ผล เพราะยุคนี้เป็นยุคที่แบ่งข้างความคิดกันชัดเจนไปแล้ว กระบวนทัศน์ (Paradigm) ของใครเป็นแบบไหนก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไปได้ ข้อเท็จจริงล้วนสามารถตีความตามใจตนเองได้หมด


แต่ถ้าคิดว่าลักษณาการแบบนี้ของคนเสื้อแดงจะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติเหมือนเช่นระบอบคอมมิวนิสต์ในอดีต ก็ควรจะเลิกกังวลได้ ประเทศเราผ่านยุคแบบนั้นมาแล้วและจะไม่มีวันกลับไปต่อสู้ด้วยปืนกันอีก ต่างจากชาติอื่นที่ไม่ผ่านกระบวนการนี้มาก่อน (กรณีภาคใต้ถือเป็นเรื่องยกเว้น เพราะมีเรื่องอุดมการณ์จากภายนอกประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่ายังมิได้มีผู้ก่อการร้ายจากภายนอกประเทศมาร่วมแจมก็ตาม) คนเสื้อแดงที่คับแค้นจะสู้ด้วยวิธีการที่เขาสู้ได้ และรัฐสามารถใช้เครื่องมือที่เบากว่าทหารในการจัดการ เช่น ปิดถนนก็ใช้ตำรวจ ไม่จ่ายภาษีก็ใช้สรรพากร ก่นด่าก็ใช้ศาล ต่อให้ถึงขั้นจลาจล ก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่กองทัพจะต้องยกกำลังออกมาอีก


วันนี้งานหลักของกองทัพที่ต้องเผชิญภัยคุกคามรอบประเทศนั้นมีมากมายมหาศาลกว่าที่เคยเป็นมาในรอบยี่สิบปี จริงอยู่ที่เราคงไม่ต้องเผชิญสงครามใหญ่ที่จักกะแล่นจะเสียดินแดนเหมือนเมื่อยุคทำสงครามมืดกับเพื่อนบ้านอีกแล้ว แต่การที่ชายแดนวันนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความไม่เป็นมิตรและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (Non-Conventional Threat) ครอบคลุมสังคมไทย เรายังจะมีที่ทางให้ทหารไปเกี่ยวข้องรบรากับคนดี ๆ ในประเทศนี้กันอีกหรือ


พม่ากำลังจะผนึกประเทศด้วยระบบการเมืองใหม่ที่ถึงจะไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็น่าจะทำให้พวกเขาใกล้กับคำว่าเอกภาพมากที่สุดนับตั้งแต่ร่างสนธิสัญญาปางโหลงกันขึ้นมา งานนี้พวกเขาจึงเร่งปราบปรามหนักขึ้นต่อกลุ่มต่อต้านที่อ่อนแรงลงทุกที ผลกระทบด้านการปะทะบริเวณพรมแดนจะบังเกิดแก่เราด้วย กองทัพจะต้องใช้ทั้งการทูตฝ่ายทหารและหน่วยกำลังทางยุทธวิธีเข้าแก้ไขปัญหานี้


ที่เป็นภัยคุกคามน่าวิตกคือด้านกัมพูชา เพราะเขมรทั้งชาติกำลังอยู่ในภาวะได้ใจ กลายเป็นพลังมหาศาลหนุนหลังให้พลพรรคฮุนเซ็น กร่างกร้าวอย่างน่ากลัว กัมพูชาไม่เพียงแค่ต้องการพื้นที่ทับซ้อนด้านเขาพระวิหารเท่านั้น พื้นที่ชายแดนรอบบ้านทั้งทางบกและทางน้ำ พวกเขาก็รุกจะเอาด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าวันนี้เป็นวันของเขาแล้ว ยิ่งรัฐบาลอ่อนแอ กองทัพยิ่งต้องเข้มแข็ง ยิ่งปัญหารุนแรงยืดเยื้อ ยิ่งต้องระดมสรรพกำลังลงไปจัดการ


ปัญหาภาคใต้นับวันจะแย่ลงทุกที เพราะรัฐยังซื้อใจชาวบ้านไม่ได้ แม้ว่าการแก้ไขปัญหาจะเดินมาถูกทางคือใช้ทั้งลูกอ่อนลูกหนัก ใช้การพัฒนาขนานกันไป แต่ตราบใดที่ยังให้สิทธิบางอย่างอย่างเต็มที่ไม่ได้ ปัญหาก็ไม่มีวันจบ ประเด็นนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่กองทัพน่าจะจมอยู่กับมันไปอีกหลายปี


ปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่อีก ๆ ที่กลับมารุนแรงขึ้นตามสภาพของสถานการณ์ประเทศที่ย่ำแย่ เมื่อพลังอำนาจการเมืองแย่ พลังอำนาจทุกด้านก็จะแย่ไปด้วยรวมทั้งด้านสังคม ยาเสพติดเฟื่องฟู ผู้อพยพมากเป็นสายน้ำ การลักลอบค้าของเถื่อน คนเถื่อน อาวุธเถื่อนจะเพียบ เรื่องพวกนี้ต้องอาศัยทหารเข้าแก้ไขมากบ้างน้อยบ้าง แต่ต้องกินทรัพยากรกองทัพไปมิใช่น้อย


เมื่อเป็นเช่นนี้กองทัพยิ่งต้องการความร่วมมือจากประชาชนทุกคนในชาติ ไม่ใช่แค่จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่สะใจต่อการได้เห็นทหารเล่นงานฝ่ายตรงข้ามกับตน กองทัพต้องการประชาชนเป็นเบาะแสข่าวกรอง เป็นหูเป็นตาแจ้งเตือน หนุนหลังการจัดหาอาวุธและปฏิบัติการต่าง ๆ ช่วยเหลือกองทัพอย่างเต็มใจ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าคนครึ่งค่อนประเทศมองทหารวันนี้เหมือนกับปี 2535 กองทัพจึงควรกลับสู่ความสนใจในหน้าที่ของตน เรื่องของการเมืองก็แก้ด้วยคนการเมือง ประเทศคงไม่เลวร้ายจนสูญเสียเสื่อมทรามไปทุกสิ่งหรอกน่า เผลอ ๆ อาจจะสมานฉันท์จับมือกันได้จริง เพราะนักการเมืองเขาขึ้นชื่อว่าพลิกพลิ้วได้เก่งกว่าทหารอยู่แล้ว


กรุงเทพธุรกิจ 7 พฤษภาคม 2552

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สนาะพึ่งตื่นเหรอครับ วิวัฒนาการถอยหลังของนักการเมืองเริ่มจากคุณนี่เอง

เห็นข่าวผู้เฒ่า ที่อ้างว่าเป็นนักเลงเก่าบ่นกับสังคมว่า วิวัฒนาการนักการเมืองไทยจะไปสู่การขายตัวและตั้งแก๊งค์ต่อรองผลประโยชน์ ฟังแล้วอยากชกหน้าใครบางคน

ก็ท่านเองนั่นเเหละ ที่ไม่ฟังใครจะปลดล็อก ส.ส.จากมาตรารัฐธรรรมนูญปี 40 ที่ว่า ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน ผลจึงออกมาเป็นยังงี้

ตอนนั้น คนจำนวนมาก รวมทั้งผมด้วยที่เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์หลายชิ้นบอกเสนาะและพวก ส.ส.ที่ไร้อุดมการณืทั้งหลายว่า รัฐธรรมนูญมาตรานี้เขาตั้งไว้ มันมีที่มาที่ไป ก่อนปี 40 พวกนักการเมืองขายตัว ทรยศพรรค มีกันมาก เวลาจะอภิปรายอะไรก็ขู่ขอเงินค่ายกมือ ไม่ให้ก็ย้ายตูดแผล็บ อ้างไปเรื่อยว่าอุดมการณ์ไม่ตรงกันหรือทำเพื่อชาติ แท้ที่จริงก็คือหวังเงิน

ข้อดีก็การล็อกขา ส.ส.คือ ถ้า ส.ส.คิดสะบัดตูด ออกจากพรรคไปอยู่พรรคอื่น แล้วเกิดยุบสภาขึ้นมาเพราะรัฐบาลไม่อยากเเพ้โวทในสภาเลยชิงยุบให้เจ๊งไปด้วยกันซะก่อน (สมัยนั้นรัฐบาลเล่นบทนี้บ่อยมา ดูตัวอย่าง ตาชวนคนซื่อไง พอจะเห็นท่าว่าจะแพ้โวทเรื่อง สปก. 4-01ก็ยุบสภาหนีเลย ) หรือพรรคไล่ ส.ส.ที่เห็นไม่ตรงกับพรรคออกจากพรรค ซึ่งต้องหมดสมาชิกภาพ ส.ส.โดยปริยายไปด้วย ส.ส.ที่แปรพักตร์จะไม่มีสิทธิลงเลือกตั้ง เพราะสังกัดพรรคใหม่ไม่ถึง 90 วัน อดอยากปากแห้งกันไป

แต่เสนาะ มาโอดครวญแล้วด่าทักษิณในที่ต่าง ๆ รวมทั้งในสภาว่า มาตรารัฐธรรมนูญข้อนี้ไม่เป็นธรรม อคติต่อนักการเมือง ส.ส.ถูกบงการได้จากหัวหน้าพรรค ไม่สามารแสดงความคิดอิสระได้

โธ่ คิดอิสระก็ออกจากพรรคเขาไปสิ แล้วจะอดเป็น ส.ส.สักสมัยก็ช่างมัน ถ้ากล้าทำแสดงว่าเห็นแก่หลักการจริง ไม่งั้นก็เห็นแก่เงิน

ที่แสบ และผมพูดบ่อย ๆ คือ อ้างว่าทักษิณเผด็จการ ส.ส.อึดอัด อันนี้ผิดหรือถูกไม่รู้ แต่แบบทักษิณนั้นมีคนเดียว ผิดกับ ส.ส.เลวเสือหิว มีเป็นร้อย เผลอเมื่อไหร่มันขายตัวทันที

แล้วเป็นไง การขย่มของคนในพรรคไทยรักไทยตอนนั้นเอง เป็นสาเหตุหนึ่งให้พรรคซวดเซและการเมืองไทยไร้เสถียรภาพมาตลอดนับแต่บัดนั้น รัฐธรรมนูญ50 ก็ยกเลิกมาตรานี้ของรัฐธรรมนูญ40 ผลคือ เสือหิวออกอาละวาด กลายเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้

อภิสิทธ์จูบปากกับเนวิน ได้ก็เพราะงานนี้

เสถียรภาพการเมืองไทยไปอยู่ใต้ตุ่มไหนก็ไม่รู้

ส่วนคนอย่างเสนาะ ก็ไม่ได้ดิบได้ดีอะไร เพราะพวกที่เขาได้ประโยชน์จากการแก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ก็ไม่ปลื้มแก นี่ล่าสุด ส.ว.เสื้อเหลือง จะลากคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ดินยายเนื่อมมาเกี่ยวข้องอีก พวกพันธมิตรยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นปี ไม่ออกมาลากไส้เสนาะบนเวทีเมื่อปีกลาย เพราะอยากได้เสนาะเป็นพันธมิตรโค่นระบอบทักษิณ มาวันนี้เสนาะ หมดประโยชน์ แถมอาจสนับสนุนประโยชน์ของทักษิณ ตามแนวทางรัฐบาลแห่งชาติเสียอีก งานนี้เลยจะเอาเรื่องที่ดินบาปโกงวัดนี้มาชำระซะที

กรรมใดใครก่อ เนอะ

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ขอเป็นกำลังใจให้น้องแป้ง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่

ขอเขียนสั้น ๆ ว่า ไม่ว่าน้องแป้งจะถูกมรสุมเพียงไร ผิดหรือถูกก็ช่าง แต่พี่โจ้คนนี้ จะเป็นกำลังใจให้น้องแป้งไปจนตลอดชีวิต ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง