วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

งานหลักของกองทัพไม่ใช่การรับมือคนเสื้อแดง

สถานการณ์ความแตกแยกทางความคิดการเมืองวันนี้ที่รุนแรงเสียจนหลายคนหวาดผวาว่าถ้าหากปราศจากกองทัพแล้ว ใครก็คุมไม่อยู่นั้น เป็นความคิดที่ผิดพลาดและจะทำให้ประเทศต้องถอยกลับไปสู่ยุคที่ต้องพึ่งทหารเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน การมัวแต่ใช้ทรัพยากรของกองทัพไปในการสกัดกั้นการเติบโตของคนเสื้อแดงนั้นรังแต่จะกีดขวางการปฏิบัติหน้าที่หลักของทหารในทิศทางอื่นที่กำลังเจอวิกฤตของจริง และกองทัพนั้นก็กำลังสูญเสียความสนับสนุนของคนอีกครึ่งแผ่นดินในยามที่กองทัพกำลังต้องการแรงสนับสนุนนี้อย่างมากด้วย


จินตนาการของผู้มีอำนาจที่ยังผูกโยงความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเข้ากับอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรบ้าง ลัทธิคอมมิวนิสต์ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้าบ้าง ทำให้มองคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายตรงข้าม เห็นแก่เงินค่าจ้าง ไร้ปัญญาหลอกจูงได้ง่าย ดังนั้นจึงใช้พลังอำนาจทุกทางเปลี่ยนใจคนเสื้อแดงให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะถูกโวยเรื่องสองมาตรฐานหรืออย่างอื่นอย่างใด กองทัพในฐานะม้าที่ต้องทำตามคำสั่งจ๊อกกี้ก็พลอยถูกดึงลงมาเล่นเกมนี้ด้วย แม้ว่าเคยพยายามถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว


ในเมื่อยุทธศาสตร์เป็นเช่นนี้ ยุทธการเลยล้อตาม ไม่เช่นนั้นคงไม่เห็นการนำอาวุธหนักออกมาไล่จับเสื้อแดงตอนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามอ่อนแรงที่สุด ผลก็คือ ใครจะสู้คนมีปืนได้ คนเสื้อแดงสลายไป แต่ก็แค่ชั่วคราว พวกเขาเกลียดชังรัฐมากขึ้นและพลอยเกลียดชังกองทัพไปด้วย การส่งคนลงไปปฏิบัติการจิตวิทยานั้นไม่ได้ผล เพราะยุคนี้เป็นยุคที่แบ่งข้างความคิดกันชัดเจนไปแล้ว กระบวนทัศน์ (Paradigm) ของใครเป็นแบบไหนก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไปได้ ข้อเท็จจริงล้วนสามารถตีความตามใจตนเองได้หมด


แต่ถ้าคิดว่าลักษณาการแบบนี้ของคนเสื้อแดงจะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติเหมือนเช่นระบอบคอมมิวนิสต์ในอดีต ก็ควรจะเลิกกังวลได้ ประเทศเราผ่านยุคแบบนั้นมาแล้วและจะไม่มีวันกลับไปต่อสู้ด้วยปืนกันอีก ต่างจากชาติอื่นที่ไม่ผ่านกระบวนการนี้มาก่อน (กรณีภาคใต้ถือเป็นเรื่องยกเว้น เพราะมีเรื่องอุดมการณ์จากภายนอกประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่ายังมิได้มีผู้ก่อการร้ายจากภายนอกประเทศมาร่วมแจมก็ตาม) คนเสื้อแดงที่คับแค้นจะสู้ด้วยวิธีการที่เขาสู้ได้ และรัฐสามารถใช้เครื่องมือที่เบากว่าทหารในการจัดการ เช่น ปิดถนนก็ใช้ตำรวจ ไม่จ่ายภาษีก็ใช้สรรพากร ก่นด่าก็ใช้ศาล ต่อให้ถึงขั้นจลาจล ก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่กองทัพจะต้องยกกำลังออกมาอีก


วันนี้งานหลักของกองทัพที่ต้องเผชิญภัยคุกคามรอบประเทศนั้นมีมากมายมหาศาลกว่าที่เคยเป็นมาในรอบยี่สิบปี จริงอยู่ที่เราคงไม่ต้องเผชิญสงครามใหญ่ที่จักกะแล่นจะเสียดินแดนเหมือนเมื่อยุคทำสงครามมืดกับเพื่อนบ้านอีกแล้ว แต่การที่ชายแดนวันนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความไม่เป็นมิตรและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (Non-Conventional Threat) ครอบคลุมสังคมไทย เรายังจะมีที่ทางให้ทหารไปเกี่ยวข้องรบรากับคนดี ๆ ในประเทศนี้กันอีกหรือ


พม่ากำลังจะผนึกประเทศด้วยระบบการเมืองใหม่ที่ถึงจะไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็น่าจะทำให้พวกเขาใกล้กับคำว่าเอกภาพมากที่สุดนับตั้งแต่ร่างสนธิสัญญาปางโหลงกันขึ้นมา งานนี้พวกเขาจึงเร่งปราบปรามหนักขึ้นต่อกลุ่มต่อต้านที่อ่อนแรงลงทุกที ผลกระทบด้านการปะทะบริเวณพรมแดนจะบังเกิดแก่เราด้วย กองทัพจะต้องใช้ทั้งการทูตฝ่ายทหารและหน่วยกำลังทางยุทธวิธีเข้าแก้ไขปัญหานี้


ที่เป็นภัยคุกคามน่าวิตกคือด้านกัมพูชา เพราะเขมรทั้งชาติกำลังอยู่ในภาวะได้ใจ กลายเป็นพลังมหาศาลหนุนหลังให้พลพรรคฮุนเซ็น กร่างกร้าวอย่างน่ากลัว กัมพูชาไม่เพียงแค่ต้องการพื้นที่ทับซ้อนด้านเขาพระวิหารเท่านั้น พื้นที่ชายแดนรอบบ้านทั้งทางบกและทางน้ำ พวกเขาก็รุกจะเอาด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าวันนี้เป็นวันของเขาแล้ว ยิ่งรัฐบาลอ่อนแอ กองทัพยิ่งต้องเข้มแข็ง ยิ่งปัญหารุนแรงยืดเยื้อ ยิ่งต้องระดมสรรพกำลังลงไปจัดการ


ปัญหาภาคใต้นับวันจะแย่ลงทุกที เพราะรัฐยังซื้อใจชาวบ้านไม่ได้ แม้ว่าการแก้ไขปัญหาจะเดินมาถูกทางคือใช้ทั้งลูกอ่อนลูกหนัก ใช้การพัฒนาขนานกันไป แต่ตราบใดที่ยังให้สิทธิบางอย่างอย่างเต็มที่ไม่ได้ ปัญหาก็ไม่มีวันจบ ประเด็นนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่กองทัพน่าจะจมอยู่กับมันไปอีกหลายปี


ปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่อีก ๆ ที่กลับมารุนแรงขึ้นตามสภาพของสถานการณ์ประเทศที่ย่ำแย่ เมื่อพลังอำนาจการเมืองแย่ พลังอำนาจทุกด้านก็จะแย่ไปด้วยรวมทั้งด้านสังคม ยาเสพติดเฟื่องฟู ผู้อพยพมากเป็นสายน้ำ การลักลอบค้าของเถื่อน คนเถื่อน อาวุธเถื่อนจะเพียบ เรื่องพวกนี้ต้องอาศัยทหารเข้าแก้ไขมากบ้างน้อยบ้าง แต่ต้องกินทรัพยากรกองทัพไปมิใช่น้อย


เมื่อเป็นเช่นนี้กองทัพยิ่งต้องการความร่วมมือจากประชาชนทุกคนในชาติ ไม่ใช่แค่จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่สะใจต่อการได้เห็นทหารเล่นงานฝ่ายตรงข้ามกับตน กองทัพต้องการประชาชนเป็นเบาะแสข่าวกรอง เป็นหูเป็นตาแจ้งเตือน หนุนหลังการจัดหาอาวุธและปฏิบัติการต่าง ๆ ช่วยเหลือกองทัพอย่างเต็มใจ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าคนครึ่งค่อนประเทศมองทหารวันนี้เหมือนกับปี 2535 กองทัพจึงควรกลับสู่ความสนใจในหน้าที่ของตน เรื่องของการเมืองก็แก้ด้วยคนการเมือง ประเทศคงไม่เลวร้ายจนสูญเสียเสื่อมทรามไปทุกสิ่งหรอกน่า เผลอ ๆ อาจจะสมานฉันท์จับมือกันได้จริง เพราะนักการเมืองเขาขึ้นชื่อว่าพลิกพลิ้วได้เก่งกว่าทหารอยู่แล้ว


กรุงเทพธุรกิจ 7 พฤษภาคม 2552

4 ความคิดเห็น:

  1. อย่าลืมอ่านปฏิทินเหตุการณ์สำคัญทางขวามือนะครับ

    ตอบลบ
  2. สวัสดีครับ คุณเรือรบ

    วิเคราะห์ได้ชัดเจน สมเหตุสมผลมากเลยครับ
    หวังว่ากองทัพน่าจะฉุกคิดได้แล้วนะครับ

    คนไทย...ไม่ใช่ศัตรูรุกรานประเทศ
    ทหารไม่ต้องปราบคนไทยในแผ่นดินไทยหรอกครับ

    ออมแรงไว้สู้กับเขมรดีกว่า ออมลูกกระสุนไว้ยิงกับเขมรดีกว่าครับ
    อย่าเอามายิงคนไทยด้วยกันเลย

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ7/6/52 10:12

    จำไม่ได้แล้วว่าทหารไทยรบครั้งสุดท้ายแล้วชนะเมื่อไหร่

    สงครามเกาหลีมั้ง

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ10/6/52 22:08

    ขอรายงานตัวครับ พี่โจ้ ต้องกราบขออภัยอย่างงาม ๆๆๆๆๆ อีกครั้งครับที่บังอาจผิดนัดพี่โจ้ในวันนี้จนได้ครับ แต่สำหรับวันจันทร์นี้ จะไม่ผิดนัดแน่นอนครับ

    ใช่แล้วครับ ทหารถูกดึงลงมาทำบทบาทเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในเวลาวิกฤติของชาติไม่ต่างจากตอนที่พันธมิตรยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน แต่กองทัพกลับไม่ยอมปฏิบัติตามแบบเข้าข่ยขัดคำสั่ง ซ้ำร้าย ยังผ่ามาข่มขู่รัฐบาลให้ลาออกอีก ในขะที่ทำกริยาม่อยกะรอกกับผู้ที่กระทำการลบหลู่ดูหมิ่นผู้ให้กำเนิดโรงเรียนนายร้อยได้
    แต่ในกรณีของคนเสื้อแดง กองทัพกลับทำบทบาทอย่างฉับพลันทันใด กระทำการตามระบบระเบียบและกฎหมายอย่างเข้มแข็งจนคนเสื้อแดงไม่สามารถต่อต้านแบบซึ่ง ๆ หน้าได้ แล้วยังจะมีหน้าลงไปทำ ปจว. กับประชาชนอีก ทำการแบบตบหัวแล้วลูบตูดอย่างนี้ ชาวบ้านเขาไม่ได้กินหญ้านะครับ และไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ด้วย อย่างหวังเลยว่าจะได้ผล
    ทางที่ดี ทหารต้องลงไปเสริมความเข้มแข็งแก่ปัญหาความมั่นคงของจริงดีกว่าครับ อย่างกรณียาบ้าที่ระบาดในเมืองไทยจนมันแทบจะกลายเป็นโอท็อปไปแล้ว กรณีปัญหาชายแดนกับเพื่อนบ้านผู้ยโสโอหังรอบบ้านเราที่กองทัพจะต้องแสดงความมุ่งมั่นในการรักษาเกียรติภูมิของเรา
    ผมขอเสนอแนะอีกข้อครับว่า พวกนายพลผู้เก่งกาจในการสลายม็อบทั้งหลายควรได้ลงไปทำหน้าที่แก้ไขปัญหาภาคใต้อย่างถึงลูกถึงคนสักทีเถอะครับ

    ติ่ง

    ตอบลบ