วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

มายอน จะระเบิดหรือไม่

ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เอเชียแปซิฟิกเราจดจ่อมากที่สุดเมื่อปลายปีที่แล้วว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ก็คือ การระเบิดของภูเขาไฟมายอน มหัศจรรย์ธรรมชาติที่สวยงามระดับโลกของฟิลิปปินส์ แต่เมื่อเปลี่ยนศักราชใหม่ เจ้าเอล นินโญ่ ดันสร้างปรากฏการณ์กลบเสียหมด และคงจะเป็นพระเอกไปจนตลอดปีนี้ แต่มายอน จะยังมีโอกาสขโมยซีนหรือไม่ จะกลายเป็นเรื่องดังเหมือนที่ภูเขาไฟปินาตูโบ เพื่อนใกล้กันระเบิดเมื่อ 19 ปีก่อนหรือไม่ ยังต้องรอตืดตามต่อไป


ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่อยู่ในวงแหวนภูเขาไฟของเอเชียแปซิฟิกเต็ม ๆ ชาวบ้านเลยต้องนอนผวาเพราะทับที่กับภูเขาไฟซึ่งยังไม่ระเบิดไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก เขตใกล้ภูเขาไฟนั้นถึงจะอันตรายแต่ชาวบ้านก็ชอบไปอาศัยอยู่ เนื่องจากดินดี เพราะปลูกได้สมบูรณ์ ทั้งยังขายของให้นักท่องเที่ยวได้อีก เรื่องภัยธรรมชาติค่อยหลบเอาเป็นครั้งคราวไป สำหรับภูเขาไฟมายอนที่อยู่บนเกาะลูซอนนี้ ปะทุมาแล้ว 48 ครั้งนับตั้งแต่บันทึกกันไว้ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2159 ภัยพิบัติหนัก ๆ ล่าสุดที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ก็คือตอนปลายปี 49 เกิดปะทุอย่างแรง พ่นลาวาและเถ้าถ่านออกมามากคล้ายกับเวลานี้ แต่ก็ได้สงบลงเมื่อปลาย ต.ค.ปีนั้น ชาวบ้านนึกว่าปลอดภัยกลับเข้าพื้นที่ โชคร้ายที่อีกเดือนนึงถัดมาพายุทุเรียนขึ้นโจมตีเกาะลูซอน พัดเอาโคลนเถ้าภูเขาไฟถล่มทับชาวบ้านตายไป 1300 คนสด ๆ


ตลอดเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา มายอนปะทุหนักหน่วง จนทั่วโลกคาดการณ์ว่าต้องระเบิดขึ้นแน่ รัฐบาลต้องอพยพชาวบ้านหมื่นครอบครัวออกจากพื้นที่รัศมี 8 ก.ม.รอบภูเขา ปรากฏทั้งเถ้า ทั้งหินลอยขึ้นฟ้า แผ่นดินไหวกึกก้องต่อเนื่องเพราะแมกม่าใต้ผิวโลกขยับแรง ธารลาวา 3 สายไหลริน แต่โลกก็โล่งอกไปเมื่อสถาบันภูเขาไฟและแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ประกาศลดระดับความน่ากลัวของมายอนลงเมื่อ 2 ม.ค.โดยอ้างว่าการขยับแข้งขาของมายอนลดลงแล้ว โดยเฉพาะก๊าซพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ขอเชิญชาวบ้านกลับเข้าไปอาศัยในระยะ 7-8 กิโล ได้ แต่โลกก็คงไว้วางใจไม่ได้


ยังจำตอนที่ภูเขาไฟปินาตูโบระเบิดเมื่อปี 2531 ได้ เพราะผมอยู่ในมะนิลาหลังห้วงเวลาการระเบิดแล้วไม่นาน ยังทันได้ซึมซับบรรยากาศที่ชาวบ้านพูดคุยกันถึงการระเบิดครั้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ภูเขาไฟการกะตั้วของอินโดนีเซียระเบิดเมื่อปี 2426 และได้ซื้อเสื้อซื้อหมวกที่มีสลักคำว่า “ฉันรอดมาจากปินาตูโบ”ซึ่งเป็นซูวีเนียร์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบที่สุดรองมาจากหินภูเขาไฟจากสถานที่จริง มีคนตายคราวนั้น 800 คน เถ้าถ่านสีขาวมองเห็นได้ไกลถึงกัมพูชา อุณภูมิโลกลดลงครึ่งองศา โอโซนโดนทำลายและกรดกำมะถันในชั้นบรรยากาศโลกเพิ่มสูง หวังว่าภูเขาไฟมายอน วันนี้และวันต่อ ๆ ไปคงไม่กลายเป็นหายนะแบบนี้ กระนั้นก็ตาม ถึงวันนี้โลกยังละสายตาจากการอาจระเบิดขึ้นของมายอนไปไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น