วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ถือผิว แยกความเชื่อ สไตล์ใหม่

ไม่ว่าโลกจะทันสมัยขึ้นเท่าใด ร้อยรัดรู้เรื่องของต่างวัฒนธรรมลุ่มลึกขนาดไหน มนุษย์จำนวนไม่น้อยก็ยังมีจิตใต้สำนึกในเรื่องการถือแบ่งมนุษย์ด้วยกันอยู่นั่นเอง เพียงแต่ว่าอาการของการเหยียดเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ในปัจจุบันนั้น ต้องทำอย่างมี”ชั้นเฃิง” ไม่งั้นจะถูกมองว่าไม่ศิวิไลซ์ ในสังคมที่ไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ อาการนี้จะไม่ค่อยปกปิด แต่ในสังคมตะวันตกที่อ้างว่ายึดถือคุณค่าแห่งสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมกันแล้ว การแสดงออกเรื่องนี้สู่สาธารณะเป็นประเด็นถือสาขนาดหนัก แต่ก็ใช่ว่าไม่มี

ถ้าเปรียบเทียบกับบางชาติในเอเชียที่ชอบพูดเรื่องโจ๊กเกี่ยวกับผิวคล้ำ ตาตี่ หรือบ้านนอกแล้ว ฝรั่งทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะจะถูกมองว่าเป็นพวกเหยียดผิว ฟาสซิสท์ หรือนาซี ไปทันที ทั้งยังโดนทั้งกฏหมายทั้งปทัสฐานสังคมเล่นงานอีกมาก ดังนั้น คนที่ยังยึดถือเรื่องนี้อย่างหนักจึงต้องมีการแสดงออกที่ “เนียน” ขึ้นกว่าในอดีต ที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ในเวลานี้ ก็คือ การปฏิเสธว่าการล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวในสมัยฮิตเลอร์นั้นไม่มีจริงหรือเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย (โฮโลคอสต์ ดินายอัล) มีนักเขียน นักการเมืองหลายคนทั้งฝรั่งและอาหรับเจอข้อหาดังกล่าว จริงอยู่ที่ชาวตะวันตกอ้างสิทธิส่วนบุคคลในความคิด แต่หากใครไม่คิดเห็นใจชาวยิวหรือไม่เกลียดชังฮิตเลอร์แล้วล่ะก้อ มีอันโดนปะหน้าว่าเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติทันที คงคล้ายกับการยัดข้อหาไม่รักชาติรักสถาบันให้กับคนบางกลุ่มในประเทศของเรา

สัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่เหยียดความเชื่ออย่างมีชั้นเชิง 2 เรื่องที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนบทความนี้ เรื่องแรกคือ นายเกิร์ต วิลเดอร์ สส.ขวาจัดของฮอลแลนด์จะเดินทางไปอังกฤษตามคำเชิญของสมาชิกสภาขุนนางที่นั่น สื่อมวลชนแสดงความกังขาที่คราวนี้ รมว.มท.ของอังกฤษจะไม่ห้ามเขาเข้าประเทศ ทั้งที่เคยห้ามมาคราวนึงแล้ว วิลเดอร์ ต้องคดีที่ฮอลแลนด์ข้อหาปลุกปั่นให้คนเกลียดชังกัน เนื่องจากเขาพยายามโยงคัมภีร์ของบางศาสนาเข้ากับการก่อการร้าย แล้วถึงขนาดรณรงค์ให้ยกเลิกการสวมผ้าคลุมหน้าของสตรีในศาสนานี้ด้วย แน่นอนว่าวิลเดอร์ต้องอ้างว่าเขารักสงบและไม่ได้ต่อต้านศาสนานี้ เพียงแต่เห็นภัยของกระบวนการนำศาสนานี้รุกคืบเข้าคุกคามสังคมตะวันตก ถึงแม้แนวคิดของวิลเดอร์จะเป็นวิชาการแต่คนทั่วไปก็เห็นว่านี่คือการเหยียดศาสนา

อีกรายคือ นายคีธ บาร์ดเวล ผู้พิพากษาผิวขาวของหลุยเซียน่า ประกาศว่าเขาไม่ยอมรับรองให้คู่สมรสที่มีผิวไม่เหมือนกันจดทะเบียนเด็ดขาด เขาอ้างว่าเห็นใจลูกของคนต่างผิวที่จะเกิดมาแล้วจะไม่ได้รับการยอมรับทั้งสังคมขาวและสังคมดำ ใต้เท่าผู้นี้อ้างว่าเขาไม่ใช่คนเหยียดผิวและอกทะเบียนสมรสให้ขาว-ขาว ดำ-ดำ มานับไม่ถ้วน แต่เขาว่าอยู่สังคมผิวใดก็ผิวนั้น อย่าข้ามสายพันธุ์เป็นดีที่สุด แน่นอนว่ากำลังมีคู่สมรสต่างผิวยื่นฟ้องว่าความเชื่อส่วนตัวของบาร์ดเวลละเมิดกฏหมายสหรัฐ ฯ


คมชัดลึก 16 ตุลาคม 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น