วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สงสาร พญ.เบญจวรรณ

ขึ้นต้นหัวเรื่องอย่างนี้ อย่าพึ่งคิดว่าผมก็ร่วมเฮไปกับเขาด้วย ที่จะด่าหมอที่ผิดจรรยาบรรณรักษาคนไข้คนนี้ เพราะผมขอแสดงความเห็นในเชิงเห็นใจต่างหาก

สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่สงสารกันแล้วหรือ ตั้งแต่เมื่อไหร่

หรือว่าตั้งแต่มีคนกลุ่มหนึ่ง อ้างว่าตัวดีเลิศประเสิรฐศรีออกมาประท้วงขับไล่ไม่เผาผีคน ๆ หนึ่ง โดยแสดงอาการเคียดแค้นออกสาธารณะชนิดที่ว่าไม่กลัวโดนด่ากลับ

ไม่นานนับจากนั้น จนถึงวันนี้ก็แค่ 3-4 ปี เราได้เห็นอาการ"เคียดแค้นฝั่งตรงข้าม" กระจายไปอย่างดับไม่ได้

เอาเถอะครับ ผมพอเข้าใจ เพราะคนบางคนเขาก็สมควรเกลียดเหมือนกัน กลุ่มบางกลุ่มสมควรถูกประท้วงเหมือนกัน

แต่กับหมออายุ 25 คนหนึ่ง เสื้อแดงจะไม่สงสารเธอเลยหรือครับ

จริงล่ะ การกระทำของ พญ.เบญจวรรณ นั้นผิดจรรยาบรรณแพทย์ชัดเจน และอีกข้อหนึ่งก็คือ ถ้าเธอเป็นแม่ค้าไม่ขายของให้ลูกค้าเสื้อแดง นั่นพอรับได้ว่าเธอมีสิทธิ แต่เธอนี่เป็นลูกจ้างของโรงพยาบาลที่ต้องให้บริการลูกค้าทุกคน เธอต้องให้บริการคน ๆ นี้

การกระทำของเธอสมควรได้รับการประณาม แต่ก็ควรพอประมาณ ให้โอกาสเธอบ้างเถอะครับ

จริงอยู่ที่เธอยังไม่สำนึก อาการที่ถูกหล่อหลอมมอมประสาทแบบนี้ไม่ใช่หายได้ง่าย ๆ แต่ครั้นจะตัดอนาคตเธออย่างเช่น เสนอยึดใบประกอบโรคศิล์ป หรือไล่ด่าเธอไม่หยุดในทุกที่นั้น ออกจะแรงเกินไปสักหน่อย


การไม่เอาเรื่องเอาราวกับเธอ อาจไม่มีผลต่อพฤติกรรมและความคิดในอนาคตของเธอ แต่น่าจะมีผลต่อชาวเสื้อแดงทั้งมวลว่า กลุ่มคนเสื้อแดงนั้นเป็นผู้ให้อภัย มีเมตตาจิตในเบื้องต้นอยู่เสมอ คุณค่าเช่นนี้ ศัตรูไม่นับถือไม่เป็นไร พวกคนเสื้อแดงมีนับถือในตัวเองอยู่แล้ว และจะยิ่งเพิ่มความนับถือในตัวเอง หากให้อภัย มีเมตตาจิต ต่อหมอเบญจวรรณ



ผมยังเชื่ออยู่ ว่าแม้ในช่วงแรก ความเกลียดจะระดมมวลชนที่คลั่งแค้นออกมา แต่ความรักเท่านั้นที่ระดมมวลชนก้อนใหญ่กว่าออกมามีชัยในที่สุด

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19/8/52 00:43

    55555
    คุณก็แค่ละอ่อนด้อยเชิงมวย
    อยากเด่นอยากดังหวังแจ้งเกิด
    ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็แค่ใช้เส้นสายเข้าวงการ
    ไม่มีความรู้ไรเลย
    วิเคราะห์วิจารณ์ไปเรื่อยเปื่อย

    ตอบลบ
  2. ที่คุณว่ามานั้นผิดทั้งหมด แสดงให้เห้นถึงความโง่เขลาอคติในใจคุณเอง

    เรื่องนี้ผมไม่ได้วิเคราะห์วิจารณ์และไม่ต้องใช้ความรู้อะไรด้วย ใช้สามัญสำนึกและความเห้นอกเห็นใจต่อทุกฝ่ายต่างหาก

    ปกติแล้ว คนที่ขี้ขลาดไม่มีสมองนั้น ไม่เพียงแต่จะปิดบังชื่อ แล้วก็ยังจะกล่าวหาคนอื่นลอย ๆ โดยไม่ใช้เหตุผล

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ19/8/52 13:09

    อะค๊า ... เห็นด้วยกะคห.พี่เรือ กะได้ อิอิ เหอๆ

    น้อง Srinapa งะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19/8/52 13:13

    อีกนิด...

    ต่อไปทำอะไรก็คิดกันให้หนักๆ นะคะ ว่าตัวอยู่ในสถานะไหน ถึงจะอายุแค่เนี๊ยะ 25 แต่ถ้าเป็นคนแถวบ้านหนู(บ้านนอก) กะแต่งงานได้ลูกเท่าน้องเรือรัก แย๋ว 5555 อิอิ เหอๆ

    น้อง Sirnapa 555 เหอๆ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ19/8/52 22:40

    สำหรับคุณผู้ไม่ระบุชื่อครับ ถ้าผู้เขียนข้อความนี้ เขาไม่เปิดเผยตัวตนละก็ คุณก็มีสิทธิสันนิษฐานแบบนั้นได้ครับ แต่นี่ผู้เขียนข้อความนี้ เขาเปิดเผยตัวตนอย่างแท้จริงที่คุณควรไปตรวจดูรายละเอียดส่วนตัวของเขา แล้วจึงจะมาตีความอีกทีครับ
    อีกอย่างครับ ถ้าคุณมีความคิดแบบอคติและดูถูกคนที่คิดเห็นไม่ตรงกับคุณ แม้แต่ความเห็นในเชิงประนีประนอมดังนี้แล้ว นี่คือมิจฉาทิษฐิของคุณเองที่จะมีใครสามารถฉุดคุณขึ้นมาได้ แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณคงยังคิดในแบบที่คุณเชื่ออย่างนี้อยู่ดี
    ความเห็นของพี่โจ้ในเรื่องนี้ เป็นที่ชัดเจนว่า ถึงจะคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็อย่าได้ทำให้กิจการของส่วนรวมและหน้าที่ของตนต้องบกพร่องเสียหาย สังคมไทยเราตกอยู่ในสภาพแบบที่สวนทางกับหลักการนี้มา 3-4 ปีแล้ว ก็เพราะคนกลุ่มเดียวที่ปลุกระดม มอมเมา และยุยงปลุกปั่นให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น
    อย่างไรก็ตามครับ แพทย์หญิงคนนี้ควรได้รับการลงโทษด้วยการตักเตือนและอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลถึงความไม่ถูกต้องที่เธอได้ทำลงไป และทุก ๆ คนในสังคมก็สมควรที่จะไม่ทำร้ายหรือทำลายเธอ และแน่นอนครับ ไม่สมควรจะมีฝ่ายใดสะเออะมายกย่องการกระทำของเธอด้วยครับ
    และแน่นอนครับ บุคลากรในวิชาชีพแพทย์ท่านใด ถ้ามีความเห็นเป็นฝ่ายเสื้อแดงแล้ว ก็อย่าได้คิดหรือกระทำการปฏิเสธต่อคนไข้ที่เป็นเสื้อเหลืองเด็ดขาด สังคมไทยเราจะต้องไม่ถูกการยุยงทำลายล้างกันอีกต่อไป
    แต่ผมเองยังสงสัยครับว่า เมื่อไร คนไทยเราจะหายมืดบอดจากอวิชชา ที่คนกลุ่มหนึ่งทำขึ้นเพื่อให้พวกเราแตกแยกกันเพื่อพวกเขาจะได้ฉกฉวยผลประโยชน์ต่อไป แม้ประเทศชาติจะฉิบหายแค่ไหน ก็ช่างมันครับ

    ติ่ง

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านและช่วยให้ความเห็นครับ

    ตอบลบ