วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มหาตมะคานธี วีรบุรุษตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอม

วันนี้ 2 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันคล้ายวันเกิดบุคคลสำคัญสองคนสำหรับผม หนึ่งนั้นคือ คุณแม่ พลโทหญิงอุบลรัตน์ เมืองมั่น อีกคนคือ ท่านโมหันทาส กรมจันทร์ คานธี หรือมหาตมะ คานธี ที่คนทั่วโลกรู้จักดี

ถ้าเราจะหาวีรบุรุษตัวจริงสักคนหนึ่งในโลกของเรานี้ ไม่ใช่พวกที่มักยกตัวเองเป็นวีรบุรุษ หรือขุนทัพเกรียงไกร แต่จิตใจโหดร้ายยืนหยัดบนซากศพคนอื่นแล้วล่ะก้อ ชายร่างเล็กผู้นี้เลยครับ สุดยอดนักต่อสู้ตัวจริง ที่ต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่มีความสำเร็จชัดเจน ด้วยหลักการและอุทิศตนที่พิสูจน์ได้ ทั่วโลกยอมรับ


ท่านเป็นชาวฮินดู โดยกำเนิด เกิดมาในยุคอินเดียอยู่ใต้อาณานิคมอังกฤษ ท่านกลับมาอินเดียปี 1915 หลังสรางชื่อเสียงด้านสิทธมนุษยชนพอสมควรในแอฟริกาใต้ แล้วมาอังกฤษเพื่อรณรงค์ให้ชาวอินเดียรักกัน ร่วมกันปลดแอกจนอังกฤษให้เอกราชปี 1947 และอีกไม่กี่เดือนท่านก็โดนยิงตาย


ลำพังแค่ข้อมูลเท่านี้ หลายคนคงสงสัยหรือคิดว่าท่านก็แค่นักกู้ชาติธรรมดาคนหนึ่งใช่ไหมครับ แต่ทำไมท่านถึงดังไปทั่วโลก มีคนกราบไหว้นับถือบูชาท่านไม่ขาดสาย ล่าสุด ไทม์ ยกย่องให้ท่านเป็นบุคคลที่เด่นที่สุดของศตวรรษที่ 20 เป็นอันดับสองรองจากไอนสไตน์ด้วย


นั่นเพราะท่านมีหลักการ ท่านรังสรรค์หลักการสัตยาเคราะห์ที่ว่า สัจจะคือพระเจ้า หนทางไปสู่สัจจะนั้นคืออหิงสา ใช้อหิงสาด้วยความรักและเมตตา และต้องอุทิศตนอย่างจริงจัง


หลักการง่าย ๆ แต่ท่านทำจริงจังไม่สร้างภาพว่าตนเองมีคุณธรรม แต่เบื้องหลังโสมมไม่ต่างจากนักการเมืองทั่วไป ไม่ข่มขู่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา พวกที่จะปราบท่านถึงกับต้องโยนปืนทิ้งมากราบท่าน ท่านรณรงค์ไม่ร่วมมือกับอังกฤษ อังกฤษก็เซ่อแด๊กยอมผ่อนปรนให้ท่าน เพราะมีมวลชนแขกร้อยล้านหนุนหลังท่านอยู่ ท่านพาคนเดินขบวนประท้วงเงียบแบบที่เรียกอารยะขัดขืนของจริง ไม่ใช่เดินไปด่าแม่ศัตรูไป หรือไปยึดสมบัติของรัฐเหมือนผู้ประท้วงบางกลุ่มของประเทศเพื่อนบ้าน อังกฤษมาขอคุยท่านก็คุยดี ๆ จนฝรั่งนับถือท่านหมด ที่ไหนเกิดสงครามระหว่างชุมชน ท่านก็เดินไปกินนอนที่นั่น ไม่ใช่เป็นผู้นำมาเกือบปีแล้วยังไม่กล้าลงพื้นที่ที่มีปัญหา ที่ไหนที่ท่านไปถึงสงครามก็หยุด คนมาคืนดีกัน ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก


คนเชื่อถือท่านก็เพราะท่านทำจริงอย่างที่ว่า ท่านสอนใครตัวเองก็ทำก่อน หลักสรรโวทัยของท่านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงทุกวันนี้นั้นสอนให้พึ่งตนเองก่อน ท่านก็หุงหาอาหารล้างส้วมเอง ทอผ้าห่อเอง ทำเกลือเอง ไปไหนก็ด้วยเท้าตนเอง ไม่ใช่รถเบนซ์ ไม่สะสมอะไรเลยนอกจากความดี ต่างจากคนบางพวกที่คำก็อ้างทำเพื่อพ่อ สองคำก็พอเพียง แต่รวยโคตรโลภโคตร

1 ความคิดเห็น: